เทคนิคเลือกฟังเพลงทำงาน มีอะไรบ้าง ?
1. เลือกเพลงที่ไม่มีเนื้อร้อง
การเลือกเพลงที่ไม่มีเนื้อร้องเป็นทางเลือกที่ดีในการเพิ่มสมาธิในการทำงาน เพราะไม่มีเนื้อร้องที่จะเบี่ยงเบนความสนใจจากงานที่ทำอยู่ นี่คือประเภทของเพลงที่ไม่มีเนื้อร้องที่แนะนำ
1. ดนตรีคลาสสิก: ดนตรีคลาสสิกช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและมีสมาธิ เช่น ผลงานของ Mozart, Beethoven, หรือ Bach
2. ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์: ดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ที่เน้นจังหวะและบรรยากาศ เช่น เพลงของ Tycho, Bonobo, หรือ Ulrich Schnauss
3. ดนตรีบรรเลง (Instrumental): เพลงบรรเลงจากศิลปินต่างๆ ที่ไม่มีเนื้อร้อง เช่น วง Explosions in the Sky, God is an Astronaut, หรือ Ludovico Einaudi
การฟังเพลงเหล่านี้สามารถช่วยเพิ่มสมาธิและทำให้คุณสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
2. เพลงที่คุ้นเคย
การฟังเพลงที่คุ้นเคยเป็นอีกหนึ่งเทคนิคที่ดีในการเพิ่มสมาธิในการทำงาน เพราะเพลงที่เราคุ้นเคยและชอบอยู่แล้วจะไม่ดึงดูดความสนใจมากเกินไป นี่คือเหตุผลที่การฟังเพลงที่คุ้นเคยช่วยลดการเสียสมาธิ
1. ความคุ้นเคยลดการรบกวน: เมื่อเราคุ้นเคยกับเพลงและเนื้อร้อง เราจะไม่ต้องใช้สมองในการวิเคราะห์หรือทำความเข้าใจ ทำให้สามารถโฟกัสกับงานได้มากขึ้น
2. สร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลาย: เพลงที่เราชอบและคุ้นเคยสามารถช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและสนุกสนาน ทำให้งานเป็นสิ่งที่ไม่น่าเบื่อ
3. ลดความเครียด: เพลงที่เราชอบสามารถช่วยลดความเครียดและสร้างความรู้สึกที่ดี ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวอย่างของเพลงที่คุ้นเคยและสามารถช่วยในการทำงาน
- เพลย์ลิสต์เพลงโปรดจากบริการสตรีมมิ่งที่คุณใช้
- อัลบั้มที่คุณชอบและเคยฟังหลายครั้ง
- เพลงจากศิลปินหรือวงดนตรีที่คุณติดตาม
คุณสามารถสร้างเพลย์ลิสต์เพลงคุ้นเคยของตัวเองหรือใช้บริการสตรีมมิ่งที่มีเพลย์ลิสต์ที่สร้างมาให้แล้ว เช่น Spotify มีฟีเจอร์ ‘Liked Songs’ ที่รวบรวมเพลงที่คุณชอบฟังบ่อยๆ ไว้ในเพลย์ลิสต์เดียวกัน
3. ปรับระดับเสียงให้เหมาะสม
การปรับระดับเสียงให้เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการฟังเพลงขณะทำงาน เพราะระดับเสียงที่เหมาะสมสามารถช่วยให้คุณมีสมาธิและผ่อนคลายได้ นี่คือวิธีการปรับระดับเสียงให้เหมาะสม
1. หาจุดที่สบาย: ปรับระดับเสียงให้ดังพอที่จะได้ยินเพลงชัดเจน แต่ไม่ดังเกินไปจนทำให้รู้สึกเครียดหรือหงุดหงิด การหาจุดที่สบายสำหรับคุณเป็นสิ่งสำคัญที่สุด
2. ทดสอบระดับเสียงในสภาพแวดล้อมต่างๆ: หากคุณทำงานในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน เช่น ที่ทำงานหรือร้านกาแฟ อาจต้องปรับเสียงให้ดังขึ้นเล็กน้อยเพื่อกลบเสียงรบกวน แต่ถ้าคุณทำงานในที่เงียบ ๆ เช่น ที่บ้าน ควรปรับเสียงให้อยู่ในระดับที่ต่ำลงเพื่อไม่ให้รบกวน
3. ใช้หูฟังที่มีคุณภาพ: การใช้หูฟังที่มีคุณภาพดีสามารถช่วยให้คุณได้ยินเสียงเพลงชัดเจนโดยไม่ต้องปรับเสียงให้ดังเกินไป หูฟังที่มีฟังก์ชั่นตัดเสียงรบกวน (Noise Cancelling) ยังสามารถช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอกได้ดีอีกด้วย
4. หลีกเลี่ยงการฟังเพลงเสียงดังนานเกินไป: การฟังเพลงเสียงดังนานๆ อาจทำให้เกิดความเครียดหรือปวดหัวได้ ควรหยุดพักการฟังเพลงเป็นระยะ ๆ เพื่อให้หูได้พักผ่อน
5. ใช้แอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์ช่วยปรับเสียงอัตโนมัติ: บางแอปพลิเคชันหรืออุปกรณ์มีฟังก์ชั่นในการปรับเสียงอัตโนมัติตามสภาพแวดล้อม ซึ่งสามารถช่วยปรับระดับเสียงให้เหมาะสมโดยไม่ต้องปรับเอง
4. เลือกเพลงตามงานที่ทำ
การเลือกเพลงตามประเภทของงานที่ทำเป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน นี่คือแนวทางการเลือกเพลงตามลักษณะงาน
1. งานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์
- เพลงแนว Electronic: เพลง Electronic มีจังหวะและโทนเสียงที่ช่วยกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์ เช่น เพลงของ Daft Punk, Tycho, หรือ Bonobo.
- เพลงแนว Jazz: เพลง Jazz มีความซับซ้อนและการเปลี่ยนแปลงจังหวะที่ทำให้สมองตื่นตัวและคิดสร้างสรรค์ เช่น เพลงของ Miles Davis, John Coltrane, หรือ Dave Brubeck.
2. งานที่ต้องการสมาธิสูง
- เพลงแนว Classical: เพลงคลาสสิกช่วยสร้างบรรยากาศที่สงบและช่วยให้มีสมาธิในการทำงาน เช่น เพลงของ Mozart, Beethoven, หรือ Bach.
- เพลงแนว Ambient: เพลง Ambient มีบรรยากาศที่เงียบสงบและไม่รบกวนสมาธิ เช่น เพลงของ Brian Eno, Aphex Twin, หรือ Moby.
3. งานที่ต้องการพลังงานและความกระฉับกระเฉง
- เพลงแนว Pop หรือ Rock: เพลง Pop หรือ Rock ที่มีจังหวะเร็วและพลังงานสูงช่วยให้รู้สึกตื่นตัวและกระฉับกระเฉง เช่น เพลงของ Queen, The Beatles, หรือ Taylor Swift.
- เพลงแนว Dance หรือ EDM: เพลง Dance หรือ EDM มีจังหวะที่เร็วและมีพลังช่วยให้รู้สึกกระตือรือร้น เช่น เพลงของ Calvin Harris, Avicii, หรือ David Guetta.
4. งานที่ต้องการการผ่อนคลายและลดความเครียด
- เพลงแนว Acoustic หรือ Folk: เพลง Acoustic หรือ Folk มีเสียงที่อ่อนโยนและไม่ซับซ้อนช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย เช่น เพลงของ Ed Sheeran, Simon & Garfunkel, หรือ The Lumineers.
- เพลงแนว Chillout หรือ Lo-fi: เพลง Chillout หรือ Lo-fi มีจังหวะที่ช้าและเบา ช่วยสร้างบรรยากาศที่ผ่อนคลายและลดความเครียด เช่น เพลงของ Chillhop Music, Nujabes, หรือ Jinsang.
การเลือกเพลงตามประเภทของงานที่ทำจะช่วยให้คุณสามารถปรับบรรยากาศและอารมณ์ให้เหมาะสมกับการทำงานแต่ละประเภทและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานได้อย่างมาก