เพราะเหตุใดควรขอเพิ่มเงินเดือน ?
การต่อรองเงินเดือนเป็นเรื่องที่ควรทำด้วยเหตุผลหลายประการ
1. การเพิ่มมูลค่าของตนเอง: การต่อรองเงินเดือนเป็นการยืนยันว่าคุณเห็นคุณค่าในความสามารถและประสบการณ์ของตนเอง นอกจากนี้ยังเป็นการส่งสัญญาณให้กับนายจ้างว่า คุณมั่นใจในความสามารถของตนเองและเชื่อว่าคุณควรได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม
2. การเติบโตของรายได้: การต่อรองเงินเดือนทุกครั้งที่คุณเปลี่ยนงานหรือได้รับการเลื่อนตำแหน่ง สามารถช่วยให้รายได้ของคุณเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง การได้รับการเพิ่มเงินเดือนทุกๆ ปีหรือทุกๆ ครั้งที่มีโอกาส จะทำให้คุณมีรายได้ที่สูงขึ้นในระยะยาว
3. การแสดงความมั่นใจและความสามารถในการต่อรอง: การต่อรองเงินเดือนแสดงให้เห็นถึงความมั่นใจในตนเองและความสามารถในการต่อรอง ซึ่งเป็นทักษะที่มีค่าในหลายสถานการณ์ในชีวิตประจำวันและการทำงาน
4. การรักษามูลค่าของตลาดแรงงาน: การต่อรองเงินเดือนช่วยให้คุณได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมตามมูลค่าของตลาดแรงงาน ซึ่งสามารถช่วยให้คุณสามารถเปรียบเทียบได้ว่าค่าตอบแทนที่คุณได้รับนั้นเป็นธรรมและอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่
5. การป้องกันการถูกเอาเปรียบ: หากคุณไม่ต่อรองเงินเดือน นายจ้างอาจให้ค่าตอบแทนที่ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น การต่อรองช่วยป้องกันไม่ให้คุณถูกเอาเปรียบ และช่วยให้คุณได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์ของคุณ
6. การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับนายจ้าง: การต่อรองเงินเดือนอย่างสุภาพและมีเหตุผล สามารถช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับนายจ้าง เพราะเป็นการแสดงให้เห็นว่าคุณมีความเป็นมืออาชีพและมีความสนใจในความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
7. สร้างมาตรฐานที่ดี: การต่อรองเงินเดือนสามารถสร้างมาตรฐานที่ดีสำหรับการเจรจาในอนาคต หากคุณแสดงให้เห็นว่าคุณสามารถเจรจาและได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม คุณอาจพบว่าการต่อรองในอนาคตจะง่ายขึ้น
8. ลดช่องว่างค่าตอบแทน: การต่อรองเงินเดือนช่วยลดช่องว่างค่าตอบแทนระหว่างพนักงานในระดับเดียวกัน การที่พนักงานทุกคนสามารถต่อรองและได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมจะช่วยลดความไม่เท่าเทียมในองค์กร
เทคนิคต่อรองเงินเดือน ทำได้อย่างไรบ้าง ?
การต่อรองเงินเดือนเป็นทักษะที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมกับความสามารถและประสบการณ์ของคุณ นี่คือเทคนิคบางอย่างที่คุณสามารถใช้ในการต่อรองเงินเดือน
1. เตรียมข้อมูลล่วงหน้า
- ศึกษาตลาดแรงงาน: ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเงินเดือนเฉลี่ยในตำแหน่งและอุตสาหกรรมของคุณ โดยใช้เว็บไซต์เช่น Glassdoor หรือ Salary.com เพื่อเปรียบเทียบ
- ประเมินมูลค่าตนเอง: พิจารณาประสบการณ์, ทักษะ, และความสำเร็จของคุณ และใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการอ้างอิง
2. เลือกเวลาที่เหมาะสม
- ตอบรับข้อเสนอเบื้องต้น: รับข้อเสนอแรกที่คุณได้รับจากบริษัท จากนั้นค่อยเจรจาต่อรองเมื่อคุณได้รับข้อเสนออย่างเป็นทางการ
- ช่วงเวลาเจรจา: เลือกเจรจาในช่วงที่บริษัทมีความต้องการบุคลากรสูง หรือในช่วงที่มีการประเมินผลงานประจำปี
3. แสดงให้เห็นถึงคุณค่า
- เน้นผลงาน: ชี้ให้เห็นถึงผลงานที่ผ่านมาที่คุณเคยทำได้ดี และวิธีที่คุณสามารถช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมาย
- ทักษะพิเศษ: หากคุณมีทักษะหรือความรู้ที่หายากและเป็นที่ต้องการ ให้เน้นจุดนี้ในการเจรจา
4. เสนอแนะตัวเลขที่ชัดเจน
- ช่วงเงินเดือน: เสนอช่วงเงินเดือนที่คุณคาดหวังแทนการให้ตัวเลขที่แน่นอน เพื่อให้มีพื้นที่ในการเจรจา
- ตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง: ใช้ตัวเลขที่เฉพาะเจาะจง เช่น 85,000 บาท แทนที่จะเป็น 80,000 หรือ 90,000 บาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าคุณมีการคำนวณมาอย่างดี
5. มองหาผลประโยชน์อื่นๆ
- นอกเหนือจากเงินเดือน: หากบริษัทไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนตามที่คุณต้องการ ลองเจรจาในเรื่องของสวัสดิการอื่นๆ เช่น วันหยุดเพิ่ม, โบนัส, การฝึกอบรมเพิ่มเติม, หรือการทำงานจากระยะไกล
6. แสดงความเป็นมืออาชีพ
- สุภาพและมั่นใจ: พูดคุยด้วยความสุภาพและมั่นใจ แสดงให้เห็นว่าคุณมีความตั้งใจจริงในการร่วมงานกับบริษัท
- เปิดใจรับฟัง: ฟังเหตุผลของบริษัทและพยายามหาทางออกร่วมกัน