ออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ?
ออฟฟิศซินโดรม (Office Syndrome) คือกลุ่มอาการที่เกิดจากการทำงานในออฟฟิศหรือสถานที่ทำงานที่มีการนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ โดยไม่ได้เปลี่ยนท่าทางหรือการเคลื่อนไหวอย่างเพียงพอ อาการที่พบได้บ่อยในออฟฟิศซินโดรมได้แก่
- ปวดหลังและต้นคอ: เนื่องจากการนั่งในท่าที่ไม่ถูกต้องหรือไม่มีการปรับเปลี่ยนท่านั่งอย่างเหมาะสม
- ปวดหัว: อาจเกิดจากความเครียดหรือการใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ
- ปวดตาและสายตาล้า: เนื่องจากการจ้องจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
- ปวดไหล่และแขน: เนื่องจากการใช้งานเมาส์และคีย์บอร์ดในท่าที่ไม่ถูกต้อง
- ชาหรือปวดมือ: จากการใช้งานเมาส์หรือคีย์บอร์ดในท่าที่ไม่เหมาะสม
การดูแลสุขภาพในที่ทำงานมีความสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันออฟฟิศซินโดรมและรักษาความสุขภาพโดยรวมให้ดีขึ้น
ปรับท่านั่งออฟฟิศซินโดรม ทำได้อย่างไร ?
ท่านั่งที่ไม่เหมาะสมในที่ทำงานหรือที่เรียกว่า “ออฟฟิศซินโดรม” เป็นสาเหตุที่สำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดข้อมือ เพื่อป้องกันหรือลดความเสี่ยงจากอาการเหล่านี้ ควรปรับท่านั่งให้ถูกต้องดังนี้
1. จัดตำแหน่งจอคอมพิวเตอร์: หน้าจอควรอยู่ในระดับสายตา โดยที่ขอบจอด้านบนอยู่ในระดับสายตาหรือสูงขึ้นเพียงเล็กน้อย
2. เก้าอี้: ปรับระดับเก้าอี้ให้อยู่ในระดับที่เข่าตั้งฉากกับพื้นและเท้าวางราบกับพื้น หากไม่สามารถปรับเก้าอี้ได้ ควรใช้ที่รองเท้าเพื่อช่วย
3. แป้นพิมพ์และเมาส์: แป้นพิมพ์ควรอยู่ในระดับที่แขนสามารถวางอย่างสบาย โดยไม่ต้องยกไหล่ ส่วนเมาส์ควรอยู่ใกล้ ๆ แป้นพิมพ์เพื่อไม่ให้แขนต้องเอื้อมมากเกินไป
4. หลังและคอ: ควรนั่งตรงหลังและคอ โดยที่หลังชิดพนักพิงเก้าอี้ อาจใช้เบาะรองหลังช่วยในการรักษาท่านั่ง
5. การพักสายตา: พักสายตาทุกๆ 20 นาที ด้วยการมองออกไปที่อื่นในระยะไกลเพื่อผ่อนคลายสายตา
6. การยืดเส้นยืดสาย: ลุกขึ้นเดินหรือยืดเส้นยืดสายทุกๆ 30-60 นาที เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและลดอาการเมื่อยล้า
การใส่ใจและปรับปรุงพฤติกรรมเหล่านี้สามารถช่วยลดอาการปวดที่เกิดจากออฟฟิศซินโดรมได้อย่างมาก และช่วยให้มีสุขภาพร่างกายที่ดียิ่งขึ้น