เทรนด์ AI มาแรงที่ธุรกิจต้องจับตามองในปี 2024
1. Generative AI ที่เป็นมากกว่าข้อความ และรูปภาพ
ในปี 2024 ไม่มี Generative AI ใดที่จะทรงพลังเท่ากับ ChatGPT แต่ไม่มีใครรู้ ChatGPT เป็นปัญญาประดิษฐ์เชิงสร้างสรรค์ที่มุ่งเน้นการสร้างเนื้อหาข้อความใหม่ สร้างขึ้นเพื่อตอบคำถามของผู้ใช้ผ่านการใช้ Large Language Model (LLM) ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่เรียนรู้ลักษณะ โครงสร้าง และความหมายของภาษาที่มีอยู่บนอินเทอร์เน็ต ทำให้ ChatGPT สามารถเลียนแบบการสร้างภาษาใหม่ได้ การเรียนรู้ในรูปแบบต่างๆ เนื้อหาเกี่ยวกับโครงสร้างทางภาษา
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทเทคโนโลยีชื่อดังหลายแห่งที่ได้พัฒนาฟังก์ชัน Generative AI เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ รวมถึง Adobe บริษัทซอฟต์แวร์ที่เชี่ยวชาญด้านโปรแกรมออกแบบรูปภาพ และวิดีโอชื่อดังรายการหนึ่งได้พัฒนาฟีเจอร์ที่เรียกว่า “Prompt Guidance” ที่ให้ผู้ใช้สามารถป้อนข้อความแจ้งหรือคำสั่งเพื่อเปลี่ยนข้อความให้เป็นรูปภาพได้ และกราฟิกสามารถสร้างได้โดยอัตโนมัติรวมถึงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชื่อดังอย่าง Tiktok เองที่ได้เปิดตัวฟังก์ชัน Generative AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างอวาตาร์ของตนเองได้
ปี 2024 ที่กำลังจะมาถึงนี้เรียกได้ว่าเป็นยุคถัดไปของ Generative AI ซึ่ง AI จะสามารถสร้างเนื้อหาที่เป็นมากกว่าข้อความและรูปภาพได้ กล่าวคือ AI จะสามารถสร้างวิดีโอได้ รวมไปถึงเพลงเองก็เริ่มมีให้เห็นแล้วและเป็นเครื่องมือที่ใช้งานง่าย ดังที่แสดงในตัวอย่างข้างต้น ขณะนี้การตัดต่อวิดีโอมีประสิทธิภาพมากขึ้น เนื่องจาก Adobe เพิ่มความสามารถ Generative AI ที่สามารถสร้างเพลง (เพลงประกอบ) สำหรับวิดีโอหรือเปลี่ยนอาร์ตเวิร์คในวิดีโอ รวมถึงการสร้างเอฟเฟกต์ต่างๆ ด้วยการพิมพ์คำสั่งหรือพร้อมท์
ในด้านธุรกิจของประเทศไทย การมาถึงของ ChatGPT ทำให้ Generative AI เข้ามามีบทบาทมากขึ้นและกลายเป็นผู้ช่วยที่สำคัญสำหรับคนทำงานยุคใหม่ในหลายอุตสาหกรรม ดังนั้นจึงคาดว่า ChatGPT จะถูกนำไปใช้ภายในองค์กร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง
2. จริยธรรมของ AI (Ethical AI)
เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ AI ที่ผู้คนยังคงให้ความสนใจในด้านประเด็นด้านจริยธรรมของ AI หรือ Ethical AI เนื่องจาก AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตมนุษย์มากขึ้นทุกวัน และ AI เองก็ถือว่าเหมือนกับ ซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์ของมนุษย์ ดังนั้น นักพัฒนาจึงต้องพิจารณาพัฒนาและใช้ AI อย่างปลอดภัยที่สุด เพราะหากใช้อย่างไม่ระมัดระวังอาจทำให้เกิดปัญหา Data Bias ได้ ที่ขาดความโปร่งใส หรือโอกาสที่จะถูกนำไปใช้แทนแรงงานคน
ปัญญาประดิษฐ์ไม่ได้สมบูรณ์แบบเท่ากับมนุษย์ สิ่งนี้จึงต้องอาศัยการฝึกฝน และการเรียนรู้ข้อมูลใหม่ เช่น การทำงานให้ดีขึ้นอยู่เสมอ ดังนั้น เพื่อให้ซอฟต์แวร์ AI ทำงานอย่างมีจริยธรรม เราจึงแนะนำธุรกิจต่างๆ คนมักพูดกันว่าก่อนที่จะใช้ข้อมูลที่ได้รับจาก AI ควรเพิ่ม Human Loop เพื่อตรวจสอบข้อมูลการทำงานของ AI ก่อนใช้งาน เช่น ถ้าเราถามคำถามกับ ChatGPT หลังจากได้รับการตอบกลับจาก ChatGPT เราจะต้องตรวจสอบข้อมูลก่อนใช้งานทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลที่ได้มานั้นถูกต้อง นี่ไม่ใช่เรื่องราวของ ChatGPT สิ่งที่ดีที่สุดคือไม่ใช่ข้อมูลที่มีลิขสิทธิ์ซึ่งไม่สามารถนำมาใช้ต่อไปได้
นอกจากการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับจาก AI ก่อนใช้งานแล้ว ยังเป็นสิ่งสำคัญก่อนลงมืออีกด้วย หรือป้อนข้อมูลให้ AI เรียนรู้และใช้งานระหว่างการประมวลผลและตรวจสอบข้อมูลก่อนทุกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลถูกต้อง มีจริยธรรมหรือไม่? อย่างน้อยก็ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ AI จัดการไม่ขัดแย้งกับศีลธรรม และความถูกต้องทางสังคมและส่งเสริมให้ธุรกิจใช้ข้อมูลอย่างมั่นใจและปลอดภัย
3. การนำ AI มาใช้ในการให้บริการลูกค้า
ใช้ประโยชน์จาก AI เพื่อให้บริการลูกค้า การบริการลูกค้าหรือการบริการลูกค้าเป็นหนึ่งในภาคธุรกิจที่ปัญญาประดิษฐ์ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลาย และบริการ AI นี้เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยมาก: AI Chatbot ตามรายงานของ Gartner พบว่า 74% ของบริษัทต่างๆ ใช้ AI Chatbot เพื่อให้บริการลูกค้าเพื่อปรับปรุงความพึงพอใจของลูกค้า เรียกได้ว่า AI Chatbot ถูกใช้เพื่อช่วยคัดกรองลูกค้า ความสามารถในการตอบคำถามพื้นฐานของลูกค้าแบบเรียลไทม์กลายเป็นบรรทัดฐานใหม่สำหรับการบริการลูกค้าสำหรับธุรกิจยุคใหม่ นอกจากนี้
การนำ AI Chatbot มาใช้ในการบริการลูกค้าจะช่วยลดงานประจำวัน เช่น คำถามที่ลูกค้าถามบ่อย หรือการสอบถามข้อมูลทั่วไปสามารถให้แชทบอท AI ช่วยตอบคำถามและให้ข้อมูลลูกค้า ช่วยให้พนักงานมีเวลามุ่งเน้นไปที่กรณีลูกค้าที่ซับซ้อน พนักงานจะต้องเป็นคนที่ช่วยแก้ไขปัญหา
แน่นอนว่าหากธุรกิจเลือกใช้แชทบอทแบบ AI ก็ไม่ต้องกังวลว่าลูกค้าจะรู้สึกเหมือนบทสนทนาไม่รู้สึกเหมือนกำลังคุยกับพนักงาน เพราะแชทบอท AI นั้นขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ทำให้เข้าใจบริบทของคำถามได้ และตอบคำถามและพูดคุยกับลูกค้าหรือผู้ใช้สามารถพูดคุยได้เหมือนกับพนักงาน
4. AI เข้ามาช่วยคนทำงาน ไม่ได้เข้ามาทดแทนคน
หลายๆ คนอาจกังวลว่าปัญญาประดิษฐ์จะมาแทนที่มนุษย์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญญาประดิษฐ์ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ แต่จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างง่ายดาย เร็วยิ่งขึ้น ดังนั้นการทำความเข้าใจว่าปัญญาประดิษฐ์สามารถช่วยทำงานได้อย่างไรจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับองค์กรในปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง สามารถวางแผน กำหนดเป้าหมาย และเลือกโซลูชั่น AI ที่เหมาะกับความต้องการทางธุรกิจของคุณได้ดีที่สุด
ในด้านมนุษย์ AI สามารถช่วยเหลือขั้นตอนการทำงานโดยช่วยเหลือการแปลภาษา เขียนอีเมลฉบับร่างเพื่อสรุปประเด็นสำคัญจากข้อมูลสำหรับร่างเอกสารสัญญา จนกว่าโค้ดที่ช่วยให้โปรแกรมเมอร์เขียนโค้ดและแก้ไขข้อบกพร่องจะสามารถพัฒนาโปรแกรมต่างๆ ได้เร็วยิ่งขึ้น ถ้าเราในฐานะพนักงานเข้าใจว่าปัญญาประดิษฐ์จะสามารถช่วยให้เราทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มันจะเร็วขึ้นได้อย่างไร? รวมถึงการทำความเข้าใจว่าปัญญาประดิษฐ์ทำงานอย่างไรจะช่วยพัฒนาทักษะในการทำงานของเราเพื่อให้สามารถทำงานได้ดีขึ้น
การรวม AI เข้ากับธุรกิจไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นโซลูชั่นสำหรับธุรกิจยุคใหม่ที่ต้องการอัปเกรดขั้นตอนการทำงานให้สะดวก รวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติมากขึ้น และตอบสนองต่อพฤติกรรมการแสวงหาความรวดเร็วของลูกค้ายุคใหม่ บริการปัญญาประดิษฐ์ที่มอบให้กับองค์กร ได้แก่ การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อจัดการข้อมูลในเอกสาร การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อยืนยันตัวตนออนไลน์ การใช้แชทบอทปัญญาประดิษฐ์เพื่อการบริการลูกค้า การใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อค้นหาข้อมูลภายในองค์กร ฯลฯ และบริการอื่น ๆ ให้องค์กรใช้งานได้ตามความต้องการ ทั้งนี้ จำเป็นต้องเลือกและใช้บริการปัญญาประดิษฐ์ บรรลุเป้าหมายของพวกเขา และเป้าหมายของแต่ละองค์กร
5. การพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ Low-Code และ No-Code
แนวโน้มของการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบ low-code และ no-code ยังคงเติบโต Gartner ระบุว่า 65% ของการพัฒนาแอปพลิเคชันจะใช้แพลตฟอร์มแบบ low-code ภายในปี 2567 ซึ่งจะช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาซอฟต์แวร์และทำให้องค์กรต่างๆ พัฒนาซอฟต์แวร์ได้เร็วขึ้น ในทำนองเดียวกัน โซลูชัน AI ยังได้รับการพัฒนาในรูปแบบโค้ดต่ำและไม่ต้องโค้ดเพื่อให้ธุรกิจใช้งานได้ง่ายขึ้น เช่นเดียวกับ IGEN เอง เรานำเสนอโซลูชัน AI ในรูปแบบบริการ AI ธุรกิจไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญด้านการเขียนโปรแกรมและสามารถใช้บริการ AI ของเราได้อย่างสะดวกและง่ายดายเพียงเข้าถึงผ่านพอร์ทัลของเรา ตัวอย่างเช่น ธุรกิจสามารถสร้างเวิร์กโฟลว์อัตโนมัติเพื่อดึงข้อมูลจากรูปภาพหรือบันทึกเอกสารด้วยตนเองผ่านฟีเจอร์ aiFlow บนพอร์ทัลของเรา หรือสร้างแชทบอทที่ใช้งานง่ายเพื่อตอบคำถามขององค์กรผ่านระบบการจัดการความรู้ AI
หากธุรกิจต้องการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของเรา เราก็มีบริการ AI API สำหรับธุรกิจที่จะเชื่อมต่อด้วย และใช้ฟังก์ชัน AI สะดวกและรวดเร็วโดยที่ธุรกิจไม่ต้องพัฒนาฟังก์ชัน AI เหล่านี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะทำให้กระบวนการนำแอพพลิเคชั่นเข้าสู่ตลาดเชิงพาณิชย์เร็วขึ้น และช่วยประหยัดเวลาในการพัฒนาแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจได้มาก
6. การเติบโตของสายงานด้าน AI
สาขา AI เรียกได้ว่าเป็นพื้นที่ที่มีความต้องการของตลาดสูง ไม่ว่าจะเป็นปีนี้ หรือปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง บริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งกำลังสรรหาบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนความเชี่ยวชาญด้านปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่องจักรในหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งวิศวกรด้านการเรียนรู้ของเครื่องจักรก็เป็นคนที่ต้องพัฒนาโมเดล และผู้จัดการผลิตภัณฑ์ AI ทำงานอย่างไร ผู้คิดค้นและพัฒนาฟีเจอร์ AI ที่ต้องทำงานร่วมกับวิศวกร Machine Learning และตำแหน่งอย่างนักวิทยาศาสตร์ข้อมูลและวิศวกรข้อมูลที่พัฒนาฟีเจอร์ AI และรับผิดชอบในการจัดการข้อมูล วิเคราะห์ข้อมูล พัฒนาข้อมูล สู่ปัญญาประดิษฐ์ โมเดลอัจฉริยะ และใช้ในการทำนายผลลัพธ์ที่ต้องการในธุรกิจ
7. พัฒนาทักษะที่จำเป็นในยุค AI ครองเมือง
แม้ว่า AI ยังไม่สามารถแทนที่มนุษย์ได้ แต่เป็นเรื่องจริงที่พนักงานที่ใช้ AI เพื่อช่วยเหลือพวกเขาจะเข้ามาแทนที่คนที่ยังคงทำงานเดิมอยู่ การทำความเข้าใจวิธีการทำงานของ AI และดูว่า AI สามารถนำไปใช้เพื่อทำให้งานของเราดีขึ้นได้อย่างไรเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนทำงานยุคใหม่ ซึ่งรวมถึงการทำความเข้าใจที่อื่นที่เราสามารถเรียนรู้ทักษะเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาและเพิ่มทักษะที่จำเป็นสำหรับงานในปัจจุบันและวันพรุ่งนี้ ในปัจจุบัน หากคนรุ่นใหม่สนใจเรียนรู้ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง ก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างง่ายดายผ่านหลักสูตรออนไลน์ปัญญาประดิษฐ์และการเรียนรู้ของเครื่อง โดยมีทั้งหลักสูตรฟรีและมีค่าใช้จ่าย พัฒนาทักษะ AI ของคุณและก้าวให้ทันโลกแห่งการทำงานและเทคโนโลยียุคใหม่
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook “หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์”