เมื่อครั้งเรายังเด็ก หลายคนอาจถูกตั้งคำถามโดยพ่อแม่หรือญาติผู้ใหญ่ว่า “โตขึ้นอยากเป็นอะไร” และมักจะตอบว่า อยากเป็นครู เป็นพยาบาล หรือเป็นหมอ เนื่องจากเป็นอาชีพที่เราคุ้นเคยและมักเห็นในชีวิตประจำวันของเราในวัยเด็ก แต่ถ้าเราถามคำถามนี้กับพ่อแม่เกี่ยวกับอนาคตที่ต้องการให้ลูกทำอาชีพอะไร แน่นอนว่าการทำงานราชการก็คงเป็นตัวเลือกแรกเช่นกัน เนื่องจากมีความนิยมในสังคมไทยที่ต้องการให้ลูกหลานทำงานเป็นข้าราชการ เนื่องจากมีความยอมรับในสังคมว่ามีเกียรติ มีโอกาสการเจริญเติบโตและมั่นคง มีสวัสดิการและความมั่นคงในอาชีพและชีวิตชั้นคนข้าราชการ
เป็นเรื่องปกติที่พ่อแม่มักมองว่า “อาชีพราชการ” นั้นมีความมั่นคง แต่สำหรับเด็กรุ่นใหม่แล้วพวกเขากลับไม่คิดแบบนั้นเพราะปัจจุบันมีอาชีพที่สามารถสร้างความมั่นคงให้ชีวิตมากมาย หากเปรียบเทียบกันอย่างตรงไปตรงมาต้องยอมรับว่าเงินเดือนที่ได้รับจากการเป็นพนักงานบริษัทเอกชนได้มากกว่าการรับราชการ แต่ก็ยังมีเด็กรุ่นใหม่อีกจำนวนไม่น้อยที่พยายามสอบแข่งขัน เพื่อเข้าทำงานในหน่วยงานราชการเช่นกัน
ส่วนใหญ่เรามักได้ยินคำพูดจากหลาย ๆ คนในหลายแง่มุมว่า การทำงานราชการ ทำงานเท่าไรก็ไม่มีวันรวย ลองมาดูกันว่างานราชการมั่นคงแต่ไม่รวยจริงไหม? แล้วทำไมหลายคนถึงคิดเช่นนั้น
ทำงานราชการมีข้อดีอย่างไร?
สวัสดิการดีครอบคลุมทั้งตัวเองและครอบครัว
เป็นที่รู้กันดีว่าสวัสดิการของอาชีพราชการนั้นมีดีมากๆ เมื่อเปรียบเทียบกับสวัสดิการในการทำงานของบริษัทเอกชน ซึ่งส่วนใหญ่จะครอบคลุมเฉพาะพนักงานที่ทำงานอยู่ในบริษัทเท่านั้น แต่สวัสดิการของอาชีพราชการก็ครอบคลุมทั้งตัวผู้รับราชการเองรวมไปจนถึงครอบครัวด้วย
ซึ่งรวมถึงพ่อแม่ คู่สมรส และลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นค่ารักษาพยาบาล หรือแม้กระทั่งค่าเล่าเรียนของบุตร รัฐก็ช่วยส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ บางหน่วยงานราชการและตำแหน่งบางตำแหน่งยังมีบ้านพักราชการให้ใช้บริการด้วย ทำให้มีความมั่นคงและเป็นเสริมสร้างคุณภาพชีวิตในด้านที่ต่างๆ มากยิ่งขึ้นสำหรับผู้รับราชการและครอบครัวของพวกเขา
ได้สิทธิประโยชน์จากธนาคารเยอะ มีเครดิตที่ดี
นอกจากสวัสดิการที่ครอบคลุมแล้ว คนที่ทำอาชีพรับราชการยังมีโอกาสได้รับสิทธิประโยชน์อื่นๆ จากธนาคารในเรื่องการกู้ยืมเงินอีกด้วย โดยข้าราชการสามารถกู้เงินได้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าเงินกู้ทั่วไป และสามารถผ่อนชำระได้เป็นเวลานาน รวมถึงการขอสินเชื่อรถบางแห่งอาจมีโปรโมชันสำหรับข้าราชการด้วย
ซึ่งเหตุผลที่คนรับราชการมักมีเครดิตที่ดีนั้นเนื่องจากธนาคารมองว่าอาชีพรับราชการมีรายได้ที่มั่นคง และมีความเชื่อถือจากหน่วยงานที่รับรองหรือยืนยันตัวตนได้ จึงทำให้การทำธุรกรรมขอสินเชื่อหรือการขอบัตรเครดิตมักเป็นไปได้ง่ายและมีโปรโมชันอยู่เสมอ
ไม่ถูกเลิกจ้าง หรือถูกไล่ออก ถ้าไม่ได้ทำความผิดร้ายแรง
เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่านี่แหละคือความมั่นคงของชีวิต เพราะในขณะเดียวกันคนที่ทำงานเป็นพนักงานบริษัทเอกชน จากสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้บริษัทเอกชนหลายแห่งประกาศปิดตัว พนักงานถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมาก
ซึ่งในหน่วยงานราชการจะไม่เป็นเช่นนี้เลย การถูกเลิกจ้างหรือการไล่ออกนั้นเกิดขึ้นน้อยมาก หากไม่กระทำผิดกฎร้ายแรงซึ่งแน่นอนว่าอาชีพราชการจะมั่นคงกว่าการเป็นพนักงานเอกชนในส่วนนี้แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถการันตีได้ว่าในอนาคตการทำงานราชการจะยังมั่นคงอยู่ไหม
เงินเดือน และตำแหน่งหน้าที่
การทำงานราชการมักมีเงินเดือนที่สอดคล้องกับตำแหน่งและหน้าที่ที่รับผิดชอบอย่างมาก ๆ และมักมีการก้าวหน้าในอาชีพเป็นขั้นบันไดที่ชัดเจน เราสามารถเห็นว่าการทำงานราชการมักมีโอกาสได้รับเงินส่วนอื่น ๆ เพิ่มอีกตามตำแหน่งและหน้าที่ เช่น เงินเบี้ยเลี้ยง หรือเงินพิเศษในกรณีพิเศษต่าง ๆ
นอกจากนี้ ข้าราชการยังมีโอกาสได้รับเงินเดือนที่มีอัตราสูงขึ้นในแต่ละปี โดยมีการปรับเงินเดือนอย่างเป็นระยะ ซึ่งการปรับเงินเดือนมักเป็นไปตามนโยบายและข้อบังคับของรัฐ และต้องมีการประเมินผลการปฏิบัติราชการที่ดีพอสมควร โดยมีเกณฑ์ที่กำหนดไว้เพื่อให้ได้รับการพิจารณาในการปรับเลื่อนตำแหน่งอย่างเหมาะสม ส่วนใหญ่การปรับเลื่อนตำแหน่งจะต้องมีผลการปฏิบัติราชการที่มีคุณภาพและได้ผลตรงตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ และไม่ต่ำกว่าระดับที่กำหนดในข้อบังคับของหน่วยงานนั้น ๆ
ทำงานราชการมีเงินใช้ไปจนแก่
เงินบำเหน็จหรือบำนาญคือเหตุผลหลักที่ทำให้คนสนใจทำงานราชการ หากคุณเป็นข้าราชการมาเกิน 25 ปี คุณจะมีสิทธิรับเงินบำนาญทุกเดือนจนกว่าคุณจะเสียชีวิต การคำนวณเงินบำนาญจะเป็นตามสูตร (เงินเดือนเฉลี่ยของ 60 เดือนสุดท้าย x จำนวนปีที่ทำงานราชการ) หารด้วย 50 เช่น หากเงินเดือนเฉลี่ยของคุณคือ 50,000 บาท และคุณทำงานราชการมา 30 ปี คำนวณได้เป็น (50,000 x 30) / 50 = 30,000 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ คุณยังสามารถเลือกที่จะรับเงินบำเหน็จแทนได้ โดยที่บำเหน็จจะเป็นการได้รับเงินเป็นก้อนเดียวแต่มีจำนวนมาก วิธีการคำนวณเงินบำเหน็จจะเป็นตามสูตร (เงินเดือนเฉลี่ยของ 60 เดือนสุดท้าย x จำนวนปีที่ทำงานราชการ) เช่น หากเงินเดือนเฉลี่ยของคุณคือ 50,000 บาท และคุณทำงานราชการมา 30 ปี คำนวณได้เป็น (50,000 x 30) = 1,500,000 บาท
สรุป ทำงานราชการมั่นคงแต่ไม่รวยจริงไหม
ความมั่นคงทางการเงินสามารถเกิดขึ้นกับทั้งอาชีพราชการและพนักงานบริษัทเอกชนได้ เพราะเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ การวางแผนทางการเงินเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำในทุกๆ อาชีพ เพื่อให้มีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและเป็นไปตามความเป็นไปได้ เพื่อให้สามารถวัดผลได้ และสามารถติดตามการดำเนินงานของเป้าหมายได้ตลอดเวลา
หากขาดเป้าหมายทางการเงินและระเบียบวินัยในการใช้เงิน อาจทำให้เราต้องเผชิญกับความยากลำบากในด้านการเงิน และไม่ว่าจะมีอาชีพใดก็ตาม เราก็จะพบว่าเราอาจจะต้องทำงานหนักและยังไม่สามารถเป็นคนรวยได้ ดังนั้น การวางแผนทางการเงินและการรักษาระเบียบวินัยในการใช้เงินเป็นสิ่งสำคัญที่ควรใส่ใจและปฏิบัติอย่างต่อเนื่องในทุกๆ สถานการณ์ ไม่ว่าจะเป็นในอาชีพใดๆ ดังนั้น ความมั่นคงทางการเงินไม่ได้ขึ้นอยู่กับอาชีพเท่านั้น แต่ยังขึ้นอยู่กับการวางแผนและการดำเนินการของเราด้วย
สรุป ได้ว่าไม่ว่าคุณจะทำงานราชการหรือเอกชน ไม่ว่าคุณจะได้รับเงินเดือนมากขึ้นก็มักใช้มากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ถ้าหากคุณไม่วางแผนการใช้เงิน ไม่ต่อยอดหรือลงทุน การขาดสภาพคล่องทางการเงินก็เกิดขึ้นได้กับทุกอาชีพ ส่วนความมั่นคงของอาชีพนั้น คงไม่มีใครสามารถการันตีเรื่องนี้ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอน เพราะทุกอาชีพสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ สิ่งที่สามารถสร้างความมั่นคงให้ชีวิตของเราที่สุด นั่นคือเรื่องของความรู้ ความสามารถ ส่วนจะมีเงินมากน้อยแค่ไหน เรื่องนี้คงขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลว่าจะสามารถต่อยอดเงินที่มีอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์