5 เทคนิคดูแลสุขภาพ ให้ร่างกายแข็งแรงพร้อมสำหรับการทำงาน
1. จัดสรรเวลาแบบ Work Life Balance
เคยได้ยินหรือพบเจอมาก่อนหรือไม่ ? กับนิยามเทคนิคดูแลสุขภาพ 8-8-8 หากมีความสงสัยหรืออยากรู้ว่ามีที่มาอย่างไร ? มาไขคำตอบกัน
ใน 1 วัน คนทุกคนมีเวลาในการใช้ชีวิตตลอดวัน จึงได้แบ่งเวลาเป็นช่วงเวลาเป็น 8-8-8 เท่ากับว่าเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
- 8 ชั่วโมงของการนอนหลับ การเข้านอนและตื่นนอนเป็นเวลาจะช่วยให้มีการฟื้นฟูร่างกายที่ดี หมั่นจัดห้องนอนให้นอนหลับสบาย รวมถึงหลีกเลี่ยงการดื่มชา กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ก่อนนอน เพื่อให้การนอนหลับนั้นพักผ่อนเพียงพอ
- 8 ชั่วโมงของการทำงาน เริ่มต้นทำงานตรงเวลา จดจ่อกับงานที่ได้รับมอบหมาย จัดลำดับความสำคัญของงาน มีช่วงเวลาพักเบรกสั้น ๆ ระหว่างทำงาน และรับผิดชอบงานให้เสร็จตามกำหนด เพื่อให้การทำงานนั้นมีประสิทธิภาพ
- 8 ชั่วโมงของการพักผ่อนหลังทำงาน สิ่งที่คนทำงานกลัวที่สุด คือ ช่วงเวลาที่จะมีเวลาพักผ่อน หากิจกรรมที่ชื่นชอบทำ เช่น ดูหนัง, อ่านหนังสือ, ฟังเพลง และไม่ลืมหาเวลาที่จะพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ได้ทานอาหารอร่อย ๆ พักสายตาจากหน้าจอและโซเชียลมีเดีย และอย่าลืมการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย
2. ออกกำลังกายตามอายุเพื่อสุขภาพที่ดี
การออกกำลังกายเป็นประจำมีประโยชน์มากมายต่อร่างกายและจิตใจ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง ผ่อนคลาย ลดความเครียด แต่ยังช่วยกระตุ้นสารเอนโดรฟิน ทำให้รู้สึกอารมณ์ดี และส่งผลดีต่อสุขภาพจิตอีกด้วย
สำหรับสาววัยทำงาน ที่อาจไม่มีเวลาออกกำลังกายมากนัก ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนออฟฟิศให้กลายเป็นฟิตเนสส่วนตัว
ทริคเด็ดออกกำลังกายง่าย ๆ ในออฟฟิศ
- เปลี่ยนลิฟต์เป็นบันได: เลือกใช้บันไดแทนลิฟต์ ช่วยให้กล้ามเนื้อขาแข็งแรง เผาผลาญพลังงาน และยังช่วยเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต
- ลุกขึ้นยืนทุก 30 นาที: นั่งทำงานนาน ๆ ส่งผลไม่ดีต่อสุขภาพ ลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสาย เดินไปรอบ ๆ หรือทำท่าบริหารร่างกายเบา ๆ ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย ลดอาการปวดเมื่อย
- ยืดเหยียดระหว่างทำงาน: หาเวลาว่างระหว่างวัน ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่น ลดอาการตึง และป้องกันออฟฟิศซินโดรม
- เดินไปคุยงานแทนการโทร: แทนที่จะโทรหาเพื่อนร่วมงาน ลุกขึ้นเดินไปคุย เป็นการเพิ่มกิจกรรม เผาผลาญพลังงาน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี
- พักกลางวันแบบแอคทีฟ: แทนที่จะนั่งทานอาหารกลางวันเฉย ๆ ลองออกไปเดินเล่น หรือทำกิจกรรมเบา ๆ ช่วยให้ร่างกายได้พักผ่อน และรู้สึกสดชื่น
- เข้าร่วมกิจกรรมออกกำลังกายของออฟฟิศ: หลาย ๆ ออฟฟิศมีกิจกรรมออกกำลังกายสำหรับพนักงาน เช่น โยคะ แอโรบิค ลองเข้าร่วม เป็นการผ่อนคลาย สนุกสนาน และได้ออกกำลังกายไปพร้อมกัน
การออกกำลังกายตามช่วงอายุ
นอกจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในออฟฟิศแล้ว การเลือกประเภทการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับช่วงอายุ ก็ส่งผลดีต่อสุขภาพ และช่วยให้สนุกกับการออกกำลังกายมากขึ้น
- วัยรุ่น: เน้นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อ พัฒนาความแข็งแรง เช่น วิ่ง เล่นกีฬา เข้าฟิตเนส
- วัยผู้ใหญ่: เน้นการรักษาสุขภาพ เพิ่มความแข็งแรง เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน โยคะ
- วัยสูงอายุ: เน้นการยืดเหยียด รักษาสมรรถภาพ เช่น เดิน โยคะ ไทชิ
การออกกำลังกายที่ดี ควรเลือกประเภทที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เลือกกิจกรรมที่ชอบ ทำอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญ อย่าลืมวอร์มอัพก่อนออกกำลังกาย และยืดเหยียดหลังออกกำลังกาย เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ
3. ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอร์
การพยายามลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ถือเป็นการตัดสินใจที่ฉลาดและดีต่อสุขภาพอย่างมาก
แอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่าง ดังนี้
- ระบบไหลเวียนโลหิต: แอลกอฮอล์จะไปขัดขวางการไหลเวียนโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ได้น้อยลง ส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะต่าง ๆ
- ระบบประสาท: แอลกอฮอล์จะไปกดประสาท ทำให้เกิดอาการมึนเมา สูญเสียการทรงตัว พูดไม่ชัด และอาจนำไปสู่ปัญหาระยะยาว เช่น สมองเสื่อม
- ระบบย่อยอาหาร: แอลกอฮอล์จะไประคายเคืองกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอก คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย
- ระบบตับ: แอลกอฮอล์เป็นพิษต่อตับ ทำให้เกิดโรคตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ
- ระบบสืบพันธุ์: แอลกอฮอล์ส่งผลต่อฮอร์โมนเพศ ทำให้มีปัญหาเรื่องความสมรรถภาพทางเพศ
- มะเร็ง: การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งปาก คอ หลอดอาหาร ตับ เต้านม และลำไส้ใหญ่
การเลิกดื่มแอลกอฮอล์ จะช่วยให้สุขภาพของคุณดีขึ้น ลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ และช่วยให้มีชีวิตยืนยาว
หากคุณต้องการเลิกดื่มแอลกอฮอล์ มีหลายวิธีที่สามารถช่วยคุณได้ เช่น
- ปรึกษาแพทย์: แพทย์สามารถให้คำแนะนำและแนวทางการเลิกดื่ม
- เข้ากลุ่มช่วยเหลือ: กลุ่มช่วยเหลือมีสมาชิกที่เคยผ่านประสบการณ์การดื่มแอลกอฮอล์ และสามารถให้กำลังใจ แนวทาง และคำแนะนำในการเลิกดื่ม
- หาแรงบันดาลใจ: หาเหตุผลและแรงบันดาลใจในการเลิกดื่ม เช่น เพื่อสุขภาพที่ดี เพื่อครอบครัว หรือเพื่ออนาคต
- ตั้งเป้าหมาย: ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการเลิกดื่ม เช่น จะเลิกดื่มภายใน 1 เดือน หรือจะลดปริมาณการดื่มลง
- หาสิ่งทดแทน: หากิจกรรมอื่น ๆ ทำแทนการดื่ม เช่น ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมสันทนาการ
การเลิกดื่มแอลกอฮอล์อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่หากคุณมีความตั้งใจจริง และมีวิธีการที่เหมาะสม คุณก็สามารถเลิกดื่มและมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้
4. ดื่มน้ำให้มากขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดี
เพราะน้ำคือชีวิต การดื่มน้ำอย่างเพียงพอ จะช่วยให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้รู้สึกตื่นตัว สดชื่น และมีพลังตลอดทั้งวัน โดยทั่วไปแล้ว แนะนำให้ดื่มน้ำให้ได้ 8-10 แก้วต่อวัน (ประมาณ 2 ลิตร) แต่ปริมาณที่เหมาะสมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับระดับการทำกิจกรรม สภาพอากาศ และสุขภาพโดยรวม
ประโยชน์ของการดื่มน้ำ
- ช่วยให้ระบบเผาผลาญทำงานดีขึ้น
- ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ช่วยให้ผิวพรรณชุ่มชื้น เปล่งปลั่ง
- ช่วยลดความอยากอาหาร
- ช่วยควบคุมน้ำหนัก
- ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ เช่น นิ่วในไต ท้องผูก โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง
วิธีดื่มน้ำให้มากขึ้น
- พกขวดน้ำติดตัวไปด้วย เพื่อจิบน้ำระหว่างวัน
- ตั้งเป้าหมายการดื่มน้ำ เช่น ดื่มให้ได้ 1 แก้วทุกๆ 1 ชั่วโมง
- ดื่มน้ำก่อนมื้ออาหาร 30 นาที เพื่อช่วยให้อิ่มเร็วและกินได้น้อยลง
- เติมรสชาติให้น้ำเปล่าด้วยผลไม้สด เช่น มะนาว แตงกวา ใบสะระแหน่
- ดื่มน้ำสมุนไพร ชา หรือน้ำผลไม้
- เลือกกินอาหารที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบ เช่น ผัก ผลไม้ ซุป
การดื่มน้ำให้เพียงพอ เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยให้สุขภาพดี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย เริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ เพื่อสุขภาพที่ดีของเรา
5. นั่งทำงานในท่าทางที่ถูกต้อง
การนั่งทำงานเป็นเวลานาน ๆ ส่งผลต่อร่างกายของเราโดยเฉพาะบริเวณคอ ไหล่ และกระดูกสันหลัง การรักษาท่าทางการนั่งที่ถูกต้องและยืดเส้นยืดสายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยและความตึงเครียดได้
หลักการนั่งทำงานที่ถูกต้อง
- เก้าอี้: เลือกเก้าอี้ที่รองรับสรีระ ปรับระดับความสูงให้ต้นขาขนานกับพื้น วางเท้าราบกับพื้นหรือที่พักเท้า
- โต๊ะ: ปรับระดับโต๊ะให้แขนทำมุม 90 องศากับพื้น ข้อศอกควรวางบนโต๊ะได้อย่างสบาย
- จอคอมพิวเตอร์: ปรับระดับให้ขอบบนของจออยู่ระดับสายตา ห่างจากหน้าประมาณ 18-24 นิ้ว
- คอ: ตั้งคอตรง ศีรษะตั้งตรง ไม่ก้มหรือเงยหน้า
- ไหล่: ผ่อนคลายไหล่ ไม่ห่อไหล่
- หลัง: นั่งหลังตรง ชิดกับพนักเก้าอี้
การยืดเส้นยืดสาย
- ควรลุกขึ้นยืน ยืดเส้นยืดสาย เปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ 30-60 นาที
ตัวอย่างท่ายืดเส้นยืดสาย
- ยืดคอ: ก้มคอแตะคางลงบนอก ค้างไว้ 10 วินาที
- ยืดไหล่: ยกไหล่ขึ้น หายใจเข้า กลั้นไว้ 5 วินาที ผ่อนคลาย
- ยืดหลัง: ลุกขึ้นยืน ก้มตัวลงแตะปลายเท้า ค้างไว้ 10 วินาที
- ยืดขา: นั่งเหยียดขาตรง งอปลายเท้าไปด้านหน้า ค้างไว้ 10 วินาที
การปรับท่าทางการนั่งทำงานที่ถูกต้องและยืดเส้นยืดสายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอาการปวดเมื่อยจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน และช่วยให้มีสุขภาพที่ดี
สุขภาพวัยทำงาน เรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ในยุคปัจจุบัน วัยทำงานต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย ส่งผลต่อสุขภาพทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
ปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในวัยทำงาน
- โรคออฟฟิศซินโดรม: เกิดจากการนั่งทำงานเป็นเวลานาน ท่าทางไม่เหมาะสม ส่งผลต่อกล้ามเนื้อ กระดูก และระบบไหลเวียนโลหิต
- โรคไม่ติดต่อเรื้อรัง: เช่น โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง มักเกิดจากพฤติกรรมการกินอาหาร ออกกำลังกายไม่เพียงพอ พักผ่อนไม่เพียงพอ และความเครียด
- โรคทางจิต: เช่น ภาวะเครียด ภาวะวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า เกิดจากความกดดันในการทำงาน ปัญหาส่วนตัว และความไม่สมดุลระหว่างงานกับชีวิตส่วนตัว
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์