วิธีปฏิเสธทำอย่างไร ให้ถนอมน้ำใจคนฟัง

ใช้วิธีปฏิเสธแบบตรงๆ

วิธีการที่ดีที่สุดในการปฏิเสธคำขอหรือการช่วยเหลือคือการตอบปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา โดยไม่ต้องการความยุติธรรมหรือการอธิบายมากมาย เพียงแค่แสดงความตั้งใจตอบอย่างสุภาพและตัดสินใจด้วยเหตุผลที่เข้าใจด้วยว่าทำไมคุณถึงไม่สามารถช่วยได้ และเป็นเหตุผลที่ต้องเข้าใจกันทั้งสองฝ่าย เพื่อไม่ให้มีผลกระทบกับงานของเราหรือเวลาของเรา ต้องเตือนตัวเองไว้เสมอว่าเมื่อเวลาที่เราปฏิเสธไปนั้น เป็นเพราะงานเหล่านั้นไม่ใช่ความรับผิดชอบของเรา จึงไม่ใช่ความผิดของเราเลยที่เลือกจะปฏิเสธ

ปฏิเสธด้วยการให้ข้อแนะนำแทน

แม้ว่าคุณไม่สามารถช่วยเขาได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า คุณจะไม่สามารถให้คำแนะนำหรือเสนอทางเลือกให้กับคนที่เข้ามาขอความช่วยเหลือได้ ตัวอย่างเช่น ถ้ามีเพื่อนหรือรุ่นน้องของคุณ โทรมาหาเพื่อขอให้ช่วยหางานให้ทำ แต่คุณรู้สึกว่าตนเองไม่พร้อมที่จะช่วยเขา คุณสามารถปฏิเสธเขาได้ และสามารถเสนอทางออก ด้วยการแนะนำว่ามีตำแหน่งงานในสายเดียวกันที่ต้องการคนให้กับเขา ซึ่งการเสนอทางเลือกนี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจและความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ยึดมั่นในตนเองแต่ยังคงความสุภาพเอาไว้

ถ้ามีคนมาเชิญคุณเพื่อร่วมงานสัมมนา หรือเพื่อนในกลุ่มคุณชวนคุณไปเที่ยว แต่ตารางงานของคุณแน่นทั้งเดือน และคุณจำเป็นต้องตอบปฏิเสธพวกเขาไป แต่เรายังมีวิธีโดยการทิ้งทางเลือกไว้ให้พวกเขาด้วย คุณอาจจะบอกว่าเดือนนี้งานแน่นมากไม่มีวันว่างในตารางเลย แต่เดือนหน้าน่าจะมีวันว่างอยู่ ลองกำหนดวันมาใหม่ได้ไหม แล้วจะได้ลงในตารางของเดือนถัดไปให้เลย การปฏิเสธแบบนี้ย่อมทำให้คนฟังรู้สึกไปในทางที่ดีและถนอมน้ำใจมากที่สุด

อย่าตอบรับในทันที

เมื่อถูกร้องขอให้ช่วย อย่าเพิ่งตัดสันใจตอบรับในทันที ขอให้พิจารณาด้วยเหตุผลและอย่าได้ใช้อารมณ์ตัดสิน เพียงเพราะสงสารเป็นอันขาด นอกจากนี้ คุณต้องรู้คุณค่าของตัวเอง ถ้าคิดจะช่วยใครคุณต้องมีเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงช่วยเขา และถ้าคุณจะปฏิเสธในการช่วยเหลือใคร ก็ต้องพิจารณาด้วยว่าการที่เราพยายามช่วยเหลือคนอื่นนั้นคุ้มค่าต่อการรับผิดชอบงาน กระทบสุขภาพร่างกายหรือความรู้สึกเราหรือไม่