ในยุคปัจจุบัน เทคโนโลยีและแอปพลิเคชันต่างๆ เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นในด้านธุรกิจ การเงิน หรือแม้แต่การสื่อสาร ผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน (Application Developer) จึงเป็นอาชีพที่มีความสำคัญในการออกแบบและพัฒนาแอปพลิเคชันเหล่านี้ให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งาน โดยต้องทำให้แอปฯ ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและสะดวกสบายต่อผู้ใช้ สายงานที่ใกล้เคียงกับ Programmer, Software Engineer, Software Developer ฯลฯ เพียงแต่จะเน้นเฉพาะด้าน Application บนมือถือมากกว่าเท่านั้น
งานของผู้พัฒนาแอปพลิเคชัน
นักพัฒนาแอปพลิเคชันจะต้องมีความรู้และทักษะในการเขียนโปรแกรม รวมถึงภาษาการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่หลากหลาย เพื่อนำมาออกแบบและพัฒนาแอปฯ ให้ตรงตามความต้องการ นอกจากนี้ ยังต้องมีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหา และสามารถทำงานเป็นทีมร่วมกับผู้อื่น เช่น ผู้ออกแบบ UX/UI และผู้ทดสอบซอฟต์แวร์
กระบวนการทำงานของนักพัฒนาแอปพลิเคชัน
1. ศึกษาและรับฟังความต้องการจากลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง
2. วิเคราะห์ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น ออกแบบจาก UX/UI Designer
3. วางแผนการพัฒนาและแบ่งงานกันในทีม
4. เขียนโค้ดและพัฒนาแอปพลิเคชันตามแผน
5. ทดสอบและปรับปรุงแก้ไขจนสมบูรณ์
6. ส่งมอบงานให้ลูกค้าหรือผู้ว่าจ้าง
โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
1. Junior Developer: ระดับเริ่มต้น เน้นการเรียนรู้และพัฒนาทักษะพื้นฐาน
2. Senior Developer: ระดับมืออาชีพ มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาแอปฯ
3. Team Lead / Manager: ระดับผู้นำทีม รับผิดชอบควบคุมและบริหารโครงการ
ค่าตอบแทน
– Junior Developer: 18,000 – 50,000 บาท
– Senior Developer: 40,000 – 80,000 บาท
– Team Lead / Manager: 60,000 บาทขึ้นไป
(ขึ้นอยู่กับประสบการณ์, ทักษะ และประเภทของบริษัท)
อาชีพผู้พัฒนาแอปพลิเคชันเป็นอาชีพที่มีโอกาสในการเติบโตสูง ผู้ที่สนใจจะต้องมีทักษะด้านการเขียนโปรแกรม ควบคู่ไปกับความคิดสร้างสรรค์และความสามารถในการทำงานเป็นทีม ซึ่งจะช่วยให้มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จในอาชีพนี้ได้
F&Q ?
เป็นอาชีพที่ไม่ตกงานจริงหรือ ?
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการจ้างงานของนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ในช่วงหลาย ๆ ปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมโทรศัพท์มือถือและแอปพลิเคชันมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ความต้องการนักพัฒนาแอปพลิเคชันก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย ทั้งในบริษัทขนาดใหญ่และบริษัทสตาร์ทอัพ
อย่างไรก็ตาม ความสามารถและประสบการณ์ของแต่ละคนก็มีผลต่อโอกาสในการได้งานเป็นอย่างมาก นักพัฒนาที่มีทักษะโปรแกรมมิงที่ดี สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันที่มีความสร้างสรรค์ และมีการเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่อยู่ตลอดเวลา จะมีโอกาสที่ดีในการหางานได้มากกว่านักพัฒนาที่ขาดทักษะเหล่านี้
ดังนั้น ถึงแม้ว่าอุตสาหกรรมแอปพลิเคชันจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่าง ๆ ว่านักพัฒนาคนนั้นจะประสบความสำเร็จในอาชีพหรือไม่ ทั้งนี้ความรู้ ทักษะ และความพยายามของแต่ละคนเป็นสิ่งสำคัญ
ต้องเริ่มต้นยังไง ?
สำหรับการเตรียมตัวเรียนเพื่อเป็นนักพัฒนาแอปพลิเคชันที่ประสบความสำเร็จ มีแนวทางดังต่อไปนี้:
1. เริ่มเรียนรู้ภาษาโปรแกรมมิ่งพื้นฐาน เช่น Java, Python, Swift หรือ Kotlin
– เข้าใจหลักการและไวยากรณ์เบื้องต้นของภาษาเหล่านี้
– ฝึกเขียนโปรแกรมเล็ก ๆ เพื่อสร้างพื้นฐาน
2. ศึกษาหลักการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์
– เรียนรู้วงจรการพัฒนาซอฟต์แวร์ (SDLC)
– เข้าใจหลักการออกแบบ UI/UX ที่ดี
3. เรียนรู้เกี่ยวกับระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์มต่าง ๆ
– iOS, Android, Windows
– เข้าใจความแตกต่างและข้อจำกัดของแต่ละระบบ
4. ฝึกพัฒนาแอปพลิเคชันง่าย ๆ ด้วยตนเอง
– เริ่มจากแอปพลิเคชันพื้นฐาน เช่น To-Do List หรือ Calculator
– เผยแพร่แอปพลิเคชันให้คนอื่นได้ทดลองใช้
5. ติดตามข่าวสารและเทรนด์ใหม่ ๆ ในวงการเทคโนโลยี
– เข้าร่วมกลุ่ม/ชุมชนของนักพัฒนาแอปพลิเคชัน
– เข้าร่วมหลักสูตรอบรมเพื่อเพิ่มพูนทักษะ
ต้องเรียนจบอะไรถึงเป็นได้
สำหรับอาชีพนักพัฒนาแอปพลิเคชัน ไม่จำเป็นต้องจบปริญญาเฉพาะทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศหรือคอมพิวเตอร์เสมอไป แต่มีหลายสาขาที่เอื้อต่อการเป็นนักพัฒนาแอปพลิเคชัน เช่น:
1. สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ (Computer Science) – เน้นทักษะด้านโปรแกรมมิ่ง อัลกอริทึม และวิศวกรรมซอฟต์แวร์
2. สาขาวิศวกรรมซอฟต์แวร์ (Software Engineering) – เน้นการวิเคราะห์ออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการซอฟต์แวร์
3. สาขาเทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) – ครอบคลุมระบบเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กร รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชัน
4. สาขาการออกแบบทางดิจิทัล (Digital Design) – เน้นทักษะด้านการออกแบบ UI/UX ที่ดี
นอกจากนี้ บางคนอาจจบสาขาอื่น ๆ เช่น ธุรกิจ หรือมนุษยศาสตร์ แต่มีความสนใจและความสามารถด้านการเขียนโปรแกรม ก็สามารถเข้าสู่อาชีพนักพัฒนาแอปพลิเคชันได้เช่นกัน
ดังนั้น ปริญญาที่สำเร็จการศึกษามาจึงไม่ใช่ปัจจัยหลักในการเป็นนักพัฒนาแอปพลิเคชันที่ประสบความสำเร็จ แต่ทักษะและความสามารถในการพัฒนาแอปพลิเคชันที่ดีเป็นสิ่งสำคัญมากกว่า
โอกาสในการเปิดมุมมองใหม่กับ PartTimeTH จะพาคุณสำรวจอาชีพเสริมและแหล่งรายได้ที่หลายคนอาจมองข้ามแล้วพบกันในบทความถัดไป ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์