โลกแห่งความงามนั้นมิใช่เพียงแค่การแต่งหน้าเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องอาศัยองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อาชีพนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางจึงทำหน้าที่สำคัญในการผสมผสานระหว่างความงามและวิทยาศาสตร์เข้าด้วยกัน
หน้าที่นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
หน้าที่หลักของนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง คือการทำวิจัย พัฒนา และตรวจสอบคุณภาพของผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และตอบโจทย์ความต้องการของตลาด กระบวนการทำงานเริ่มต้นจากการวางแผน ศึกษาวัสดุหรือวัตถุดิบที่จะนำมาใช้ คิดค้นสูตรผสม ทดลองใช้ในกลุ่มผู้ทดสอบ ปรับปรุงจนได้คุณภาพที่ดีที่สุด และขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ให้ถูกต้องตามกฎหมาย
ในส่วนของการตรวจสอบคุณภาพนั้น นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางจะวางแผนสุ่มตัวอย่างสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ นำมาเตรียมสำหรับการวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ (Lab) และรายงานผลการตรวจสอบ งานในส่วนนี้จำเป็นต้องอาศัยความรู้และทักษะทางวิทยาศาสตร์อย่างลึกซึ้ง
นักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางสามารถทำงานได้ทั้งในบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการ คลินิกเสริมความงาม หรือโรงพยาบาล และต้องทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญหลายสาขา ไม่ว่าจะเป็น นักเคมี แพทย์ผิวหนัง เภสัชกร เจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงหน่วยงานกำกับดูแลมาตรฐาน ฯลฯ
แม้จะมีความท้าทายสูง แต่การเป็นนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางก็นับเป็นงานที่มีความน่าสนใจและมีคุณค่าเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะได้ประกอบอาชีพที่ผสมผสานระหว่างวิทยาศาสตร์และความงามแล้ว ยังได้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคด้วย
ความก้าวหน้าในสายอาชีพนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
สำหรับผู้ที่เลือกทำงานในบริษัทหรือหน่วยงาน การเติบโตจะขึ้นอยู่กับโครงสร้างและการขยายตัวขององค์กร ในขณะที่หากเลือกเป็นเจ้าของธุรกิจเอง โอกาสในการเติบโตก็จะรวดเร็วกว่าตามการขยายตัวของตลาด
รายได้ของนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
– สายงานบริษัทเอกชน เริ่มต้นประมาณ 20,000 – 40,000 บาท หรืออาจสูงกว่าหากทำงานในต่างประเทศ
– เจ้าของธุรกิจ รายได้เฉลี่ยอยู่ที่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาทต่อเดือน
แนวโน้มและการแข่งขันของตลาดเครื่องสำอาง
ด้วยกระแสการดูแลสุขภาพและความงามที่แพร่หลายมากขึ้น ตลาดเครื่องสำอางจึงมีการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง ทำให้มีความต้องการนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอางที่สามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อเอาชนะคู่แข่งได้
ข้อดีของการประกอบอาชีพนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
– โอกาสในการเลือกสายงานตามความถนัด
– รายได้สูงหากมีประสบการณ์และผลงานเป็นที่ยอมรับ
– ได้เรียนรู้และพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่อง
– ได้ทำงานกับของสวยงามอยู่ตลอดเวลา
– มีสถานที่ทำงานแน่นอน เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบเดินทางบ่อย
ข้อจำกัดที่พบในอาชีพนี้
– แรงกดดันในการคิดค้นผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่ตลอดเวลา
– มีความเสี่ยงสูงหากเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
คุณสมบัติที่เหมาะสมกับนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
– สนใจด้านสุขภาพความงาม มีใจรักงานด้านนี้
– ขยันหาความรู้ พัฒนางานและตัวเองอยู่เสมอ
– มีความคิดสร้างสรรค์ กล้าทดลอง
– มีความอดทนสูง เนื่องจากกระบวนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใช้เวลานาน
– ละเอียดรอบคอบ เพราะเครื่องสำอางมีผลกระทบต่อสุขภาพ
ทักษะที่สำคัญสำหรับนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง
– การคิดวิเคราะห์ข้อมูล
– คณิตศาสตร์ เช่น แคลคูลัส สถิติ เป็นต้น
– เทคนิคห้องปฏิบัติการ
– ภาษาต่างประเทศ เพื่อเปิดโอกาสทำงานในต่างประเทศ
– การแก้ปัญหาและการจัดการเวลา
– ความรู้ด้านกลยุทธ์การตลาด สำหรับการวางแผนผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของตลาด
หากคุณสนใจประกอบอาชีพนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง พร้อมรับความท้าทาย กล้าที่จะคิดนอกกรอบ และพร้อมจะเรียนรู้ตลอดเวลา นับว่าเป็นสายอาชีพที่น่าสนใจและมีอนาคตที่สดใสมากแน่นอน
เส้นทางสู่อาชีพ
การศึกษา
- Admissions เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทย์ – คณิต ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.70
- รับตรง เป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย สายวิทย์ – คณิต ผลการเรียนเฉลี่ยสะสมไม่น้อยกว่า 2.00
- เข้าสู่คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหรือคณะเภสัชศาสตร์ สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง (Cosmetic Science)
เรื่องเล่าในรั้วมหาวิทยาลัย
ตัวอย่างหลักสูตรจากคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สาขาวิชาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง (Cosmetic Science) มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต หลักสูตร 4 ปี
วิชาที่เรียน
วิชาที่เรียกว่าต้องเรียนในเชิงลึก จะเป็นวิชาเคมี กับ ชีววิทยา เพราะจะเป็นวิชาที่ตรงกับสาขานี้มากที่สุด ใครที่อ่อนทางวิชาเคมีต้องเตรียมตัวปูพื้นฐานมาให้แน่น เพื่อไปต่อได้เร็วขึ้น
เคล็ดลับการเรียน
วิชาที่เรียนในห้องปฏิบัติการ (Lab) ต้องเรียนเก็บหน่วยกิตให้ครบถ้วน ตอนไปฝึกงาน ให้เลือกหน่วยงานที่ตรงสาย หรือเป็นหน่วยงานที่เราชอบ เพราะที่นั่นอาจกลายเป็นที่ทำงานของเราต่อในอนาคตก็ได้
ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัย
- ปี 1 เทอมแรกเป็นวิชาพื้นฐานทั่วไปทางวิทยาศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา แล้วก็แคลคูลัส1 เพื่อเข้าสู่เทอมสองที่จะเริ่มแตะวิชาเฉพาะเรื่องของเคมีอินทรีย์สำหรับวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง แล้วก็ยังเจอแคลคูลัสทั้งสองเทอม
- ปี 2 จะได้เรียนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะไม่ได้เริ่มปูพื้นฐานตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ส่วนวิชาเฉพาะหนีไม่พ้นพวกเคมีแน่นอน ทั้งวิชาเคมีวิเคราะห์ในวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ปฏิบัติการเคมีวิเคราะห์ในวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง ชีวเคมี จุลชีววิทยาและวิทยาภูมิคุ้มกันสำหรับวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง เคมีเชิงฟิสิกส์ประยุกต์ การตั้งตำรับเครื่องสำอางเบื้องต้น ปฏิบัติการการตั้งตำรับเครื่องสำอางเบื้องต้น กายวิภาคศาสตร์และสรีรวิทยาสำหรับวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง คือ เป็นวิชาที่เรียนเกี่ยวกับผิวหนังของมนุษย์ โครงสร้างผิวหนังทุกอย่าง รวมถึงการศึกษาระบบภูมิคุ้มกันร่างกายและเชื้อโรคต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นบนผิวหนังของเรา
- ปี 3 เน้นหนักเรียนในห้องทดลอง (Lab) เช่น วิชาการตั้งตำรับเครื่องสำอางสำหรับผิวหนัง ปฏิบัติการการตั้งตำรับ เครื่องสำอางสำหรับผิวหนัง การตั้งตำรับเครื่องสำอางแต่งสี ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติที่ใช้ในเครื่องสำอาง วิชานี้สนุกได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์และได้เห็นความคิดสร้างสรรค์ของเพื่อนในชั้นเรียน ซึ่งตรงนี้บางทีจะกลายเป็นไอเดียต่อยอดให้เรานำไปทำโปรเจคจบได้ แล้วก็ยังได้เรียนศัพท์ภาษาอังกฤษเฉพาะด้าน กฎหมาย จรรยาบรรณวิชาชีพ และการคุ้มครองผู้บริโภค เป็นสิ่งสำคัญที่เราจะต้องรู้เพื่อความปลอดภัยของตัวเราเองและผู้บริโภค
- ในภาคฤดูร้อนจะต้องมีการฝึกประสบการณ์วิชาชีพทางวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง กับสถานประกอบการทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งที่สวนดุสิตมีการทำ MOU ร่วมกับหลักสูตรนี้ ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมและสนับสนุนงานวิชาการร่วมกัน ในด้านการเรียนการสอน และรับนักศึกษาเข้าไปฝึกประสบการวิชาชีพ เพื่อเพิ่มทักษะ และประสิทธิภาพของนักวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง นอกจากนี้ยังรับบัณฑิตที่จบสาขาวิทยาศาสตร์เครื่องสำอาง มหาวิทยาลัยสวนดุสิตเข้าทำงาน บริษัทที่มีการ MOU ร่วมกัน ได้แก่ บริษัท แพนราชเทวีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) แพนคลินิก ราชเทวีคลินิก ไลออนส์สุพรรณหงส์คลินิก, บริษัท สยาม เนเชอรัลโปรดักซ์ จำกัด, บริษัท เคมีโก้ อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด
- ปี 4 มีสัมมนาวิชาการ และเทอมสองทำโปรเจคจบ แล้วก็ยังได้เรียนเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพความงาม และเครื่องสำอางด้วย
ค่าเทอมตลอดหลักสูตร
203,800 บาท (โดยประมาณ)
ทุนการศึกษา
- ทุนส่งเสริมพัฒนาคุณภาพชีวิตนักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
- ทุนขาดแคลนทุนทรัพย์
- ทุนเรียนดี
- ทุนจิตอาสา/ ทำคุณประโยชน์/ สร้างชื่อเสียงให้คณะ
โอกาสในการเปิดมุมมองใหม่กับ PartTimeTH จะพาคุณสำรวจอาชีพเสริมและแหล่งรายได้ที่หลายคนอาจมองข้ามแล้วพบกันในบทความถัดไป ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์