สาเหตุของการเกิดออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ?
“ออฟฟิศซินโดรม” หรือ Office Syndrome เป็นกลุ่มอาการที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานในสำนักงาน โดยมีสาเหตุมาจากการทำงานในลักษณะที่ไม่ถูกสุขลักษณะและการจัดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม โดยสาเหตุหลัก ๆ ของอาการนี้ได้แก่
- การทำงานซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน: การนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน โดยไม่เปลี่ยนท่าหรือพักผ่อน
- ท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม: การนั่งในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้มคอหรือโค้งหลังเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังต้องรับภาระมากเกินไป
- สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เหมาะสม: อุปกรณ์ที่ใช้ทำงาน เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมกับโครงสร้างร่างกาย หรือการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ดี เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ หรือการตั้งจอคอมพิวเตอร์ในมุมที่ไม่เหมาะสม
- สภาพร่างกายอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วย:
- ความเครียดจากการทำงาน: ความเครียดที่สะสมจากการทำงานอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัว
- การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ: การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้ร่างกายไม่มีโอกาสฟื้นฟูและพักผ่อน
- การได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือทานอาหารไม่ตรงเวลา: การรับประทานอาหารที่ไม่ครบถ้วนและไม่ตรงเวลาทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นในการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
การจัดการและป้องกันออฟฟิศซินโดรมสามารถทำได้โดยการปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการทำสมาธิเพื่อลดความเครียด อีกทั้งควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการรับประทานอาหารที่ถูกต้องและครบถ้วน
อาการของโรคออฟฟิศซินโดรม เป็นอย่างไร ?
โรคออฟฟิศซินโดรมเป็นอาการที่พบบ่อยในคนทำงานที่ต้องนั่งนานๆ หรือทำงานในที่ที่มีการใช้กล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของร่างกายในท่าที่ซ้ำๆ โดยอาการที่พบมักเกิดขึ้นที่ส่วนหลังและต้นแขน ซึ่งอาจรวมถึงอาการต่างๆ เช่น
- ปวดหลัง: มักเกิดจากการนั่งนานๆ หรือท่าที่ไม่ถูกต้องที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังอ่อนแรงและอาจเกิดอาการปวดหลังได้
- อาการปวดในบริเวณคอ: เนื่องจากการนั่งหรือการทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่อยู่ในบริเวณคอตึงและเกิดอาการปวด
- อาการปวดในข้อศอกหรือข้อมือ: เนื่องจากการทำงานในท่าที่ซ้ำๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในข้อศอกหรือข้อมือเกิดความเคลื่อนไหวได้ยากและเกิดอาการปวด
- อาการปวดในข้อไหล่: อาจมีการเกิดอาการปวดในข้อไหล่เนื่องจากการใช้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในบริเวณนี้ในท่าที่ไม่ถูกต้อง
- ความเสียหายของระบบประสาท: การทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดการคดเคี้ยวหรือการบวมในเส้นเอ็นหรือเนื้อเยื่อในบริเวณนั้นๆ
- อาการเมื่อยล้า: ทำงานในท่าที่ซ้ำๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อเมื่อยล้าและตึงเครียดได้
การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมรวมถึงการปรับเปลี่ยนท่าทางการทำงาน การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น การใช้เก้าอี้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม การยืดเกรงกล้ามเนื้อ และการพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งการปรับแต่งโดยการใช้เครื่องมือที่ช่วยในการทำงาน เช่น โต๊ะยกสูง หรือการใช้เมาส์และแป้นพิมพ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้ของกล้ามเนื้อในแขนและข้อมือ
แนวทางการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม ทำได้อย่างไร ?
การปรับเปลี่ยนท่าทางและพฤติกรรมในสถานที่ทำงานสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรมได้ เช่น
- การปรับเปลี่ยนท่าทาง: การนั่งหรือยืนในท่าที่ถูกต้องและสะดวกสบายสำหรับร่างกาย เช่น การใช้เก้าอี้ที่รองรับร่างกายได้ดีและมีพนักพิงส่วนหลัง การเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ เพื่อลดการกดของกล้ามเนื้อในบริเวณคอและหลัง
- พักผ่อนและการเยื้องเรื่องเวลา: การให้เวลาพักผ่อนกลางวันเพื่อยืดกล้ามเนื้อและพักตัวจากการนั่งหรือยืนเป็นเวลานานๆ และไม่ควรทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานมากเกินไป
- การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรม โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังในกล้ามเนื้อบริเวณคอ หลัง และไหล่
- การปรับแต่งพื้นที่ทำงาน: การติดตั้งโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่เหมาะสมต่อร่างกาย เช่น โต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับได้ เพื่อให้สามารถทำงานในท่าทางที่ถูกต้อง
- การฝึกซ้อมและยืดเส้นกล้ามเนื้อ: การฝึกซ้อมและยืดเส้นกล้ามเนื้อเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม
- การรักษาการลูกเล่นที่ไม่ดี: การรักษาการลูกเล่นที่ไม่ดี เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือในท่าทางที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นสาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรมได้
การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรมและส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว
วิธีการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม ทำได้อย่างไรบ้าง ?
การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลากหลายตามความรุนแรงและสถานภาพของผู้ป่วย ซึ่งการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมสำคัญมาก เช่น
- การฝังเข็ม (Dry Needling): เป็นการใช้เข็มจิ้มเข็มไปยังจุดเฉพาะบนกล้ามเนื้อเพื่อช่วยลดความเครียดและความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ
- การรับประทานยา: การใช้ยาแผนปัจจุบันที่ช่วยลดอาการปวด ลดการตึงเครียด หรือบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคออฟฟิศซินโดรม
- การทำกายภาพบำบัด: การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และการฝึกซ้อมเพื่อปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง ที่จะช่วยลดอาการอักเสบและป้องกันการกลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมในอนาคต
การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่ควรเลือกใช้แบบวิธีที่เหมาะสมกับสถานะและความรุนแรงของโรคของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด