เว็บไซต์หางาน Part Time และประกาศรับสมัครงานทุกประเภท

โรคออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบของมนุษย์เงินเดือน ต้องดูแลตนเองอย่างไร ?

โรคออฟฟิศซินโดรม ภัยเงียบของมนุษย์เงินเดือน ต้องดูแลตนเองอย่างไร ?
ออฟฟิศซินโดรม” การทำงานที่สามารถทำได้จากที่ใดก็ได้ที่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต โดยทั่วไปมักจะหมายถึงการทำงานจากที่บ้านหรือที่อื่นๆ นอกจากสถานที่ทำงานทางการ เป็นแนวคิดที่ก้าวหน้าและได้รับความนิยมในวงการธุรกิจและการทำงานในยุคปัจจุบัน
การทำงานแบบนี้มักจะให้ความยืดหยุ่นสูงขึ้นและช่วยให้คนสามารถรักษาสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวได้มากขึ้น และยังช่วยลดการเสียเวลาในการเดินทางไปยังที่ทำงานด้วย แต่ก็มีความท้าทายทางเทคนิคและด้านความปลอดภัยที่ต้องพิจารณาด้วย โดยในวันนี้จะพาทุกท่านไปศึกษาเกี่ยวกับโรคออฟฟิศซินโดรม เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง ปราศจากโรค

สาเหตุของการเกิดออฟฟิศซินโดรม คืออะไร ?

“ออฟฟิศซินโดรม” หรือ Office Syndrome เป็นกลุ่มอาการที่มักเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานในสำนักงาน โดยมีสาเหตุมาจากการทำงานในลักษณะที่ไม่ถูกสุขลักษณะและการจัดสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม โดยสาเหตุหลัก ๆ ของอาการนี้ได้แก่

  • การทำงานซ้ำ ๆ เป็นเวลานาน: การนั่งทำงานในท่าเดิมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งหน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานติดต่อกัน โดยไม่เปลี่ยนท่าหรือพักผ่อน
  • ท่าทางการทำงานที่ไม่เหมาะสม: การนั่งในท่าทางที่ไม่เหมาะสม เช่น ก้มคอหรือโค้งหลังเป็นเวลานาน ส่งผลให้กล้ามเนื้อและกระดูกสันหลังต้องรับภาระมากเกินไป
  • สภาพแวดล้อมหรืออุปกรณ์ในการทำงานที่ไม่เหมาะสม: อุปกรณ์ที่ใช้ทำงาน เช่น โต๊ะหรือเก้าอี้ที่ไม่เหมาะสมกับโครงสร้างร่างกาย หรือการจัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ไม่ดี เช่น แสงสว่างไม่เพียงพอ หรือการตั้งจอคอมพิวเตอร์ในมุมที่ไม่เหมาะสม
  • สภาพร่างกายอื่น ๆ ที่อาจส่งผลต่ออาการเจ็บป่วย:
  • ความเครียดจากการทำงาน: ความเครียดที่สะสมจากการทำงานอาจส่งผลให้กล้ามเนื้อเกิดการเกร็งตัว
  • การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ: การพักผ่อนที่ไม่เพียงพอทำให้ร่างกายไม่มีโอกาสฟื้นฟูและพักผ่อน
  • การได้รับสารอาหารไม่ครบถ้วนหรือทานอาหารไม่ตรงเวลา: การรับประทานอาหารที่ไม่ครบถ้วนและไม่ตรงเวลาทำให้ร่างกายขาดสารอาหารที่จำเป็นในการฟื้นฟูและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

การจัดการและป้องกันออฟฟิศซินโดรมสามารถทำได้โดยการปรับสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสม ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและการทำสมาธิเพื่อลดความเครียด อีกทั้งควรให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและการรับประทานอาหารที่ถูกต้องและครบถ้วน

อาการของโรคออฟฟิศซินโดรม เป็นอย่างไร ?

โรคออฟฟิศซินโดรมเป็นอาการที่พบบ่อยในคนทำงานที่ต้องนั่งนานๆ หรือทำงานในที่ที่มีการใช้กล้ามเนื้อและส่วนต่างๆของร่างกายในท่าที่ซ้ำๆ โดยอาการที่พบมักเกิดขึ้นที่ส่วนหลังและต้นแขน ซึ่งอาจรวมถึงอาการต่างๆ เช่น

  • ปวดหลัง: มักเกิดจากการนั่งนานๆ หรือท่าที่ไม่ถูกต้องที่ส่งผลให้กล้ามเนื้อหลังอ่อนแรงและอาจเกิดอาการปวดหลังได้
  • อาการปวดในบริเวณคอ: เนื่องจากการนั่งหรือการทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่อยู่ในบริเวณคอตึงและเกิดอาการปวด
  • อาการปวดในข้อศอกหรือข้อมือ: เนื่องจากการทำงานในท่าที่ซ้ำๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในข้อศอกหรือข้อมือเกิดความเคลื่อนไหวได้ยากและเกิดอาการปวด
  • อาการปวดในข้อไหล่: อาจมีการเกิดอาการปวดในข้อไหล่เนื่องจากการใช้กล้ามเนื้อและเส้นเอ็นในบริเวณนี้ในท่าที่ไม่ถูกต้อง
  • ความเสียหายของระบบประสาท: การทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดการคดเคี้ยวหรือการบวมในเส้นเอ็นหรือเนื้อเยื่อในบริเวณนั้นๆ
  • อาการเมื่อยล้า: ทำงานในท่าที่ซ้ำๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อเมื่อยล้าและตึงเครียดได้

การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมรวมถึงการปรับเปลี่ยนท่าทางการทำงาน การบริหารจัดการสภาพแวดล้อมการทำงาน เช่น การใช้เก้าอี้ที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสม การยืดเกรงกล้ามเนื้อ และการพักผ่อนให้เพียงพอ อีกทั้งการปรับแต่งโดยการใช้เครื่องมือที่ช่วยในการทำงาน เช่น โต๊ะยกสูง หรือการใช้เมาส์และแป้นพิมพ์ที่ออกแบบมาเพื่อลดการเคลื่อนไหวที่ต้องใช้ของกล้ามเนื้อในแขนและข้อมือ

แนวทางการป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรม ทำได้อย่างไร ?

การปรับเปลี่ยนท่าทางและพฤติกรรมในสถานที่ทำงานสามารถช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรมได้ เช่น

  • การปรับเปลี่ยนท่าทาง: การนั่งหรือยืนในท่าที่ถูกต้องและสะดวกสบายสำหรับร่างกาย เช่น การใช้เก้าอี้ที่รองรับร่างกายได้ดีและมีพนักพิงส่วนหลัง การเปลี่ยนท่านั่งบ่อยๆ เพื่อลดการกดของกล้ามเนื้อในบริเวณคอและหลัง
  • พักผ่อนและการเยื้องเรื่องเวลา: การให้เวลาพักผ่อนกลางวันเพื่อยืดกล้ามเนื้อและพักตัวจากการนั่งหรือยืนเป็นเวลานานๆ และไม่ควรทำงานต่อเนื่องเป็นเวลานานมากเกินไป
  • การออกกำลังกาย: การออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรม โดยเฉพาะการเพิ่มกำลังในกล้ามเนื้อบริเวณคอ หลัง และไหล่
  • การปรับแต่งพื้นที่ทำงาน: การติดตั้งโต๊ะทำงานและเก้าอี้ที่เหมาะสมต่อร่างกาย เช่น โต๊ะทำงานที่สามารถปรับระดับได้ เพื่อให้สามารถทำงานในท่าทางที่ถูกต้อง
  • การฝึกซ้อมและยืดเส้นกล้ามเนื้อ: การฝึกซ้อมและยืดเส้นกล้ามเนื้อเป็นประจำทุกวัน โดยเฉพาะในบริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคออฟฟิศซินโดรม
  • การรักษาการลูกเล่นที่ไม่ดี: การรักษาการลูกเล่นที่ไม่ดี เช่น การใช้คอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือในท่าทางที่ไม่ถูกต้องอาจเป็นสาเหตุของโรคออฟฟิศซินโดรมได้

การปฏิบัติตามแนวทางเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคออฟฟิศซินโดรมและส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงและสุขภาพดีในระยะยาว

วิธีการรักษาโรคออฟฟิศซินโดรม ทำได้อย่างไรบ้าง ?

การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาหลากหลายตามความรุนแรงและสถานภาพของผู้ป่วย ซึ่งการเลือกวิธีรักษาที่เหมาะสมสำคัญมาก เช่น

  • การฝังเข็ม (Dry Needling): เป็นการใช้เข็มจิ้มเข็มไปยังจุดเฉพาะบนกล้ามเนื้อเพื่อช่วยลดความเครียดและความตึงเครียดในกล้ามเนื้อ
  • การรับประทานยา: การใช้ยาแผนปัจจุบันที่ช่วยลดอาการปวด ลดการตึงเครียด หรือบรรเทาอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโรคออฟฟิศซินโดรม
  • การทำกายภาพบำบัด: การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อ และการฝึกซ้อมเพื่อปรับท่าทางการทำงานให้ถูกต้อง ที่จะช่วยลดอาการอักเสบและป้องกันการกลายเป็นโรคออฟฟิศซินโดรมในอนาคต

การรักษาโรคออฟฟิศซินโดรมไม่ได้มีเพียงวิธีเดียว แต่ควรเลือกใช้แบบวิธีที่เหมาะสมกับสถานะและความรุนแรงของโรคของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้ผลการรักษาที่เป็นประโยชน์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด

การป้องกันโรคออฟฟิศซินโดรมมีหลายวิธี เช่น การปรับท่านั่งหรือท่ายืนให้ถูกต้อง การใช้เครื่องมือที่มีการรองรับให้เหมาะสม การพักผ่อนท่านั่งหรือยืนเป็นระยะเวลาสั้นๆ การฝึกหรือยืดกล้ามเนื้อในระหว่างวัน และการเลือกใช้เก้าอี้ที่มีระบบรองรับการนั่งที่ดี เป็นต้น นอกจากนี้การใช้แว่นตาเพื่อลดการต่อสู้ของตาก็เป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอีกอย่างหนึ่ง
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์

Share:

ความคิดเห็น

ประกาศที่เกี่ยวข้อง

แพทย์เตือน “โรค Multiple Sclerosis” ภัยเงียบวัยทำงาน

แพทย์เตือน “โรค Multiple Sclerosis” ภัยเงียบวัยทำงาน

โรคมัลติเพิลสเคอโรสิส (Multiple Sclerosis) หรือที่เรียกว่า “โรคเอ็มเอส” (MS)…
ทำงานซ้ำซากจำเจ อาจเสี่ยง “อัลไซเมอร์” เพิ่มขึ้น 37%

ทำงานซ้ำซากจำเจ อาจเสี่ยง “อัลไซเมอร์” เพิ่มขึ้น 37%

การทำงานที่มีลักษณะซ้ำๆ แบบเดิมๆ ในทุกๆ วัน นอกจากจะทำให้เกิดความเหนื่อยล้าและเครียดแล้ว ยังอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพสมองได้มากกว่าที่คิด…
ทำไม... “สุขภาพช่องปากในวัยทำงาน” จึงเป็นเรื่องสำคัญ ?

ทำไม... “สุขภาพช่องปากในวัยทำงาน” จึงเป็นเรื่องสำคัญ ?

การดูแลสุขภาพช่องปากเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานที่มีความเสี่ยงสูงในการเกิดปัญหาทางทันตกรรมจากการใช้ชีวิตประจำวัน ด้วยเหตุนี้ สำนักสนับสนุนการพัฒนาระบบสุขภาพ สำนัก 7…

หัวข้อ

ประกาศล่าสุด

[งานราชการ] รับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา

[งานราชการ] รับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา

ประกาศรับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา โดยรับสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่…
[งานราชการ] รับสมัครบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โรงพยาบาลอ่างทอง 1 อัตรา

[งานราชการ] รับสมัครบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โรงพยาบาลอ่างทอง 1 อัตรา

ประกาศรับสมัครบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โรงพยาบาลอ่างทอง 1 อัตรา โดยรับสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่…

บทความล่าสุด

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน การที่พนักงานหมดไฟจากการทำงาน เป็นได้หลายสาเหตุด้วยกัน โดยทาง…
บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพที่ดีมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงานจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียว การมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นควรพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมพร้อมกับทักษะในสายงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในองค์กร โดยในวันนี้ PartTimeTH…