5 วิธีปรับตัวหลังออกจากงาน ที่จะทำให้คุณลืมงานเก่า เริ่มงานใหม่ได้อย่างง่ายดาย
1. เลิกเสียใจกับสิ่งที่ได้ทำลงไป
อย่าเสียใจกับการตัดสินใจที่คุณได้ทำไป ไม่ว่าคุณจะรู้สึกเครียด เหนื่อย หรือกังวลกับงานปัจจุบัน หรือรู้สึกว่างานที่เก่าไม่ได้ทำให้คุณเครียดขนาดนี้ ความรู้สึกเหล่านี้เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน เนื่องจากคุณเพิ่งออกจาก comfort zone ที่คุณคุ้นเคย แต่นั่นไม่ได้แปลว่าคุณตัดสินใจผิด
หากคุณตัดสินใจลาออกจากงานเก่าด้วยตัวเอง ลองย้อนกลับไปคิดดูว่าทำไมคุณถึงตัดสินใจเช่นนั้น อาจจะมีบางอย่างหรือหลายอย่างในงานเก่าที่คุณไม่ได้พอใจอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินเดือน เนื้องาน การเดินทางไปทำงาน หรือเหตุผลอื่น ๆ ที่ทำให้คุณรู้สึกว่ามันเป็นปัญหาและทำให้คุณทุกข์มากกว่าสุข จนคุณเลือกที่จะเดินออกมา
แต่หากคุณไม่ได้เลือกที่จะออกมาด้วยตัวเอง แต่ต้องออกมาเพราะสถานการณ์บังคับ ให้ลองมองว่านี่คือโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ และเจออะไรใหม่ ๆ ซึ่งอาจจะช่วยให้คุณค้นพบศักยภาพของตัวเองมากขึ้นจากโอกาสใหม่นี้
การเปลี่ยนแปลงมักจะมาพร้อมกับความท้าทายและความไม่แน่นอน แต่ก็เป็นโอกาสที่จะได้เติบโตและพัฒนา คุณอาจค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถและความสามารถมากกว่าที่คุณเคยคิดไว้
ท้ายที่สุด ให้เชื่อมั่นในตัวเองและตัดสินใจในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ การตัดสินใจเปลี่ยนงานหรือเปลี่ยนแปลงชีวิตเป็นสิ่งที่ยาก แต่ก็เป็นสิ่งที่สามารถนำพาคุณไปสู่สิ่งที่ดีขึ้นในอนาคต
2. ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นช่วงแรก ๆ มักเป็นเรื่องที่ยากเสมอ
งานคือส่วนสำคัญในชีวิต เพราะโดยทั่วไปแล้วเราใช้เวลาเกือบครึ่งหนึ่งของเวลาที่เราตื่นไปกับการทำงาน หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ จึงไม่แปลกถ้าเราจะรู้สึกว่ามันยากเหลือเกินที่จะปรับตัวให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
ในช่วงแรกคุณอาจรู้สึกท้อหรืออึดอัดได้ แต่อย่าเพิ่งถอย ลองให้เวลาตัวเองอย่างน้อย 6 เดือนในการปรับตัวเข้ากับที่ทำงานใหม่ โฟกัสไปที่การเรียนรู้ตัวงาน หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน และควรหยุดคิดถึงที่ทำงานในอุดมคติไปก่อน เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเจอที่ทำงานที่สมบูรณ์พร้อมตามความต้องการของเราทั้งหมด
การปรับตัวใช้เวลาและความอดทน การให้เวลาและโอกาสตัวเองในการปรับตัวจะช่วยให้คุณค่อยๆ เข้าใจและปรับตัวเข้ากับสิ่งใหม่ๆ ได้ดีขึ้น ท้ายที่สุดคุณอาจจะพบว่าตัวเองสามารถทำงานและเติบโตในสภาพแวดล้อมใหม่นี้ได้อย่างมีความสุข
3. ให้ความสำคัญกับการมีเป้าหมายในการทำงาน
การมีเป้าหมายในการทำงานเป็นแรงผลักดันที่สำคัญที่ช่วยให้เราเห็นเส้นทางข้างหน้าได้ชัดเจนมากขึ้น สำหรับคนที่มีเป้าหมายอยู่แล้ว การพิจารณาว่างานที่เราทำอยู่ในปัจจุบันนำเราไปสู่เป้าหมายนั้นได้หรือไม่เป็นสิ่งที่ควรทำเป็นประจำ ถ้าใช่ ก็ลุยไปข้างหน้าเต็มที่ และถ้าไม่ใช่ ก็ควรคิดดูว่ามีทางใดที่จะปรับเปลี่ยนได้บ้าง
สำหรับคนที่ยังไม่มีเป้าหมาย การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก โดยเราสามารถแบ่งเป้าหมายออกเป็นสองประเภทหลัก ๆ คือ
เป้าหมายระยะสั้น (1-2 ปี)
- Skill ที่อยากพัฒนา: ระบุทักษะที่เราต้องการพัฒนา เช่น การเรียนรู้ภาษาใหม่ การพัฒนาทักษะการนำเสนอ การใช้เครื่องมือทางเทคนิคต่าง ๆ
- โปรเจกต์ที่อยากลองทำ: เลือกโปรเจกต์ที่ท้าทายที่เราสนใจและสามารถเพิ่มพูนประสบการณ์ได้ เช่น การเป็นผู้นำโปรเจกต์ใหม่ ๆ หรือการมีส่วนร่วมในงานวิจัยต่าง ๆ
- ยอดขายหรือเป้าหมายอื่นๆ ที่ต้องการทำให้ได้: ตั้งเป้าหมายที่เป็นรูปธรรม เช่น ยอดขายที่ต้องการทำให้ได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปี
เป้าหมายระยะยาว (3-5 ปีหรือมากกว่านั้น)
- ความก้าวหน้าในตำแหน่งงาน: ระบุเป้าหมายเกี่ยวกับการเติบโตในสายงาน เช่น การได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน การย้ายไปทำงานในบริษัทที่ใหญ่ขึ้น
- เงินเดือนที่ต้องการ: ตั้งเป้าหมายเกี่ยวกับรายได้ที่เราต้องการภายในระยะเวลาที่กำหนด
- ชื่อเสียงและผลงานที่ต้องการ: ระบุเป้าหมายเกี่ยวกับการเป็นที่รู้จักในวงการ หรือการได้รับรางวัลต่าง ๆ
การตั้งเป้าหมายเหล่านี้ไม่เพียงแต่ทำให้เรามีทิศทางในการทำงานชัดเจนขึ้น แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจที่ช่วยให้เรามุ่งมั่นและพยายามทำงานได้อย่างเต็มที่ การทบทวนและปรับปรุงเป้าหมายเป็นระยะ ๆ ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ เพื่อให้แน่ใจว่าเรายังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
4. คิดถึงบรรยากาศแบบเดิม ๆ ก็สร้างบรรยากาศแบบนั้นมาใหม่
การที่เราคิดถึงบรรยากาศและสังคมการทำงานแบบเดิม หรือรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับเพื่อนที่ทำงานใหม่ได้ไม่ดีเท่าที่เก่า เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ธรรมดา การปรับตัวเข้ากับสถานที่ทำงานใหม่อาจต้องใช้เวลาและความพยายามเล็กน้อย นี่คือบางวิธีที่อาจช่วยให้คุณสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานและเจ้านายใหม่ได้
- เปิดใจและเป็นตัวของตัวเอง: อย่ากังวลมากเกินไปเกี่ยวกับการต้องทำให้ทุกคนชอบคุณ แต่ให้เปิดใจและเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริง
- พูดคุยเรื่องทั่วไป: การพูดคุยเรื่องทั่วไป เช่น กิจกรรมยามว่างที่ชอบ สัตว์เลี้ยงที่ชอบ หรือเรื่องที่สนใจร่วมกัน เป็นวิธีที่ดีในการเริ่มต้นสร้างความสนิทสนม
- ทานข้าวกลางวันด้วยกัน: ชวนเพื่อนร่วมงานไปทานข้าวกลางวันหรือกาแฟเป็นวิธีที่ดีในการสร้างความสนิทสนมและทำความรู้จักกันมากขึ้น
- เข้าร่วมกิจกรรมของบริษัท: การเข้าร่วมกิจกรรมหรือเหตุการณ์ที่บริษัทจัดขึ้นช่วยให้คุณได้รู้จักและทำความสนิทสนมกับเพื่อนร่วมงานในบรรยากาศที่ไม่เป็นทางการ
- ให้ความช่วยเหลือและสนับสนุน: การช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานในงานที่ทำ หรือให้การสนับสนุนเมื่อพวกเขามีปัญหา จะสร้างความรู้สึกที่ดีและความสัมพันธ์ที่แข็งแรงขึ้น
- การปรับตัวและให้เวลา: การปรับตัวเข้ากับสถานที่ทำงานใหม่อาจต้องใช้เวลา ให้โอกาสตัวเองและคนอื่น ๆ ได้ทำความรู้จักและเข้าใจกัน
ทุกการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลาและความพยายาม การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงานใหม่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้าคุณมีความตั้งใจและเปิดใจ เรื่องนี้ก็จะเป็นไปได้ในที่สุด และคุณอาจจะพบว่าได้เพื่อนดี ๆ เพิ่มเข้ามาในชีวิตจริง ๆ
5. นึกถึงสิ่งที่ดีของที่ทำงานใหม่
การมองหาข้อดีในที่ทำงานใหม่สามารถช่วยให้เราปรับตัวและมีทัศนคติเชิงบวกต่อการเปลี่ยนแปลงได้ ลองลิสต์ข้อดีต่าง ๆ ออกมาให้เห็นชัดเจนดังนี้
เนื้องาน
- โอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา: ที่ทำงานใหม่อาจมอบโอกาสในการเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือทำงานในโครงการที่ท้าทายกว่าเดิม
- ความรับผิดชอบและอิสระ: อาจมีโอกาสในการรับผิดชอบงานที่ใหญ่ขึ้นหรือมีอิสระในการตัดสินใจมากขึ้น
รูปแบบการทำงาน
- ความยืดหยุ่น: เช่น เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น หรือการทำงานจากระยะไกล (remote work)
- เทคโนโลยีและเครื่องมือ: การใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยและเครื่องมือที่ดีขึ้นในการทำงาน
สังคมและสภาพแวดล้อม
- วัฒนธรรมองค์กร: อาจเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมที่เปิดกว้างและสนับสนุนการทำงานร่วมกัน
- ทีมงานและเพื่อนร่วมงาน: การทำงานร่วมกับทีมที่มีทัศนคติที่ดีและเป็นมิตร
สวัสดิการ
- สุขภาพและความเป็นอยู่: มีสวัสดิการที่ครอบคลุมเรื่องสุขภาพ การประกันสุขภาพหรือการมีห้องฟิตเนส
- สิทธิประโยชน์เพิ่มเติม: เช่น อาหารและเครื่องดื่มฟรี หรือการจัดกิจกรรมเพื่อเสริมสร้างความสุขให้พนักงาน
การแชร์ประสบการณ์กับคนใกล้ชิดก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะพวกเขาอาจจะมีมุมมองที่เราไม่เคยคิดถึงหรือมอบคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ การเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ของบริษัทและใช้สิทธิประโยชน์ที่มีให้ก็ช่วยให้เราได้รู้จักเพื่อนร่วมงานมากขึ้นและเห็นข้อดีของบริษัทในมุมอื่น ๆ
สิ่งสำคัญที่สุดคือการเปิดใจให้กับงานใหม่แบบไม่มีอคติ การมองหาข้อดีและใช้ประโยชน์จากสิ่งที่มีอยู่ จะช่วยให้เราปรับตัวและมีความสุขกับที่ทำงานใหม่ได้เร็วขึ้น