7 เทคนิคสร้างมนุษยสัมพันธ์ กับเพื่อนร่วมงาน แห่งปี 2024
1. ฝึกให้ตนเองเป็นคนคิดบวก
การ คิดบวก หรือ Positive Thinking เป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิต ช่วยให้เรามีความสุข มองโลกในแง่ดี ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น
การคิดบวกในที่ทำงานสามารถทำได้หลายวิธี
- เริ่มต้นวันด้วยความคิดบวก: ก่อนจะเริ่มทำงาน ลองคิดถึงสิ่งดีๆที่อาจเกิดขึ้นในวันนี้ และตั้งเป้าหมายเล็กๆที่สามารถทำให้สำเร็จได้
- ชมเชยผู้อื่น: เมื่อเห็นใครทำสิ่งดีๆ หรือมีความสามารถพิเศษ อย่าลืมชมเชยและให้กำลังใจ เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีในที่ทำงาน
- หลีกเลี่ยงการวิจารณ์เชิงลบ: พยายามไม่พูดถึงคนอื่นในทางที่ไม่ดี และหากต้องการให้คำแนะนำ ควรใช้วิธีที่สร้างสรรค์และไม่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกไม่ดี
- ฝึกการขอบคุณ: การรู้สึกขอบคุณต่อสิ่งที่มีและสิ่งที่ได้รับจะช่วยให้เรามองโลกในแง่ดีมากขึ้น
- มองหาสิ่งดีๆในทุกสถานการณ์: แม้ในสถานการณ์ที่ไม่ดี ก็พยายามหาสิ่งดีๆที่เราได้เรียนรู้หรือสิ่งที่สามารถพัฒนาได้
2. หัดยอมรับและให้เกียรติผู้อื่น
การยอมรับและให้เกียรติผู้อื่นเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความขัดแย้งในการทำงานลงได้ในทุกๆ สถานการณ์ การที่เราสามารถเข้าใจและยอมรับในความคิดและการตัดสินใจของเพื่อนร่วมงานได้ จะช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีและสร้างความร่วมมือกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยอาศัยหลักของเหตุผลและผลประโยชน์ส่วนรวมก่อนเสมอ
แนวทางในการให้เกียรติผู้อื่นในที่ทำงาน
- ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น: การให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานและฟังอย่างตั้งใจ จะช่วยให้เขารู้สึกว่าความคิดเห็นของเขามีค่าและเป็นที่ยอมรับ
- เคารพในการตัดสินใจ: แม้ว่าเราอาจจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของผู้อื่น แต่การเคารพในการตัดสินใจนั้นแสดงถึงการให้เกียรติและการยอมรับในสิทธิของผู้อื่น
- ใช้ภาษาที่สุภาพ: การสื่อสารด้วยภาษาที่สุภาพและให้เกียรติเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีในที่ทำงาน
- หลีกเลี่ยงการวิจารณ์ต่อหน้า: หากต้องการให้คำแนะนำหรือวิจารณ์ผลงาน ควรทำในลักษณะที่สร้างสรรค์และไม่ทำให้ผู้อื่นรู้สึกอับอาย
- ยอมรับความแตกต่าง: ทุกคนมีความคิดและมุมมองที่แตกต่างกัน การยอมรับความแตกต่างนี้เป็นการให้เกียรติและเคารพในตัวตนของผู้อื่น
- สนับสนุนและช่วยเหลือ: การให้การสนับสนุนและช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานเมื่อพวกเขาต้องการ เป็นการแสดงถึงการให้เกียรติและความใส่ใจ
- แบ่งปันความสำเร็จ: เมื่อทีมงานประสบความสำเร็จ อย่าลืมที่จะยกย่องและยอมรับความสำเร็จของเพื่อนร่วมงานทุกคน
3. มีเทคนิคในการสื่อสาร
ในการทำงานขาดไม่ได้ในเรื่องของการสื่อสาร หากเราเป็นผู้ที่สื่อสารเป็นแล้วนั้น จะทำให้การทำงานราบรื่นและลดข้อผิดพลาด รวมไปถึงลดความขัดแย้งด้วย โดยการสื่อสารจะต้องตรงจุด ตรงประเด็น ชัดเจน ไม่นำอารมณ์ส่วนตัวมาใช้ในการสื่อสาร ขณะที่เป็นผู้ฟังก็ต้องให้ความใส่ใจตอนที่เพื่อนร่วมงานพูด เพื่อที่จะสามารถเข้าใจถึงสาระสำคัญของเนื้อหา สิ่งนี้ช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด และเมื่อผู้พูดพูดจบแล้ว คุณก็จะสามารถสรุปสิ่งที่ได้ยิน และสื่อความหมายระหว่างกันได้อย่างตรงประเด็นเช่นกัน
แนวทางในการสื่อสารให้มีประสิทธิภาพ
- ชัดเจนและตรงประเด็น: การพูดหรือเขียนควรสื่อสารอย่างชัดเจนและตรงประเด็น เพื่อให้ผู้รับสารเข้าใจได้ง่ายและไม่เกิดความสับสน
- หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาอารมณ์: ในการสื่อสาร ควรใช้ภาษาแบบมืออาชีพ หลีกเลี่ยงการแสดงอารมณ์ส่วนตัวที่อาจทำให้บรรยากาศในการทำงานตึงเครียด
- ฟังอย่างตั้งใจ: การฟังเป็นทักษะสำคัญในการสื่อสาร ควรให้ความสนใจและตั้งใจฟังเมื่อผู้อื่นพูด เพื่อให้เข้าใจถึงเนื้อหาและความต้องการของผู้พูด
- ตั้งคำถามเพื่อความเข้าใจ: หากมีข้อสงสัย ควรตั้งคำถามเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจเนื้อหาได้ถูกต้อง การถามจะช่วยลดความเข้าใจผิดและทำให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
- สรุปเนื้อหา: หลังจากที่ฟังหรือรับสารเสร็จ ควรสรุปเนื้อหาสำคัญเพื่อยืนยันความเข้าใจตรงกัน การสรุปช่วยให้มั่นใจว่าคุณได้รับสารอย่างถูกต้อง
- ใช้สื่อที่เหมาะสม: เลือกใช้ช่องทางการสื่อสารที่เหมาะสม เช่น อีเมล โทรศัพท์ หรือการประชุม เพื่อให้สอดคล้องกับเนื้อหาและสถานการณ์
- ระมัดระวังการใช้คำ: ควรใช้คำที่เหมาะสมและเข้าใจง่าย เพื่อให้ผู้รับสารสามารถเข้าใจได้ทันที
- เตรียมตัวก่อนการสื่อสาร: ก่อนที่จะสื่อสาร ควรเตรียมตัวและวางแผนว่าต้องการสื่อสารอะไร เพื่อให้การสื่อสารเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ฝึกการตัดสินใจหากเจอเหตุการณ์เฉพาะหน้า
อย่าปล่อยให้สถานการณ์ที่ย่ำแย่เกิดการลุกลามจนเป็นเรื่องใหญ่โต รีบแก้ปัญหาด้วยการปรับเปลี่ยนแผนในการทำงานเพื่อหาถึงสาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้น หากยังไม่สามารถแก้ปัญหากับเพื่อนร่วมงานได้ จึงนำไปปรึกษากับระดับผู้บริหารต่อไป โดยต้องไม่ใส่สีตีความให้เกินความเป็นจริง การทำงานเราจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทก่อน รายงานผู้บริหารตามความเป็นจริง
แนวทางในการตัดสินใจและจัดการกับความขัดแย้งอย่างเหมาะสม
- ระบุและทำความเข้าใจกับปัญหา: เริ่มต้นด้วยการระบุถึงสาเหตุที่แท้จริงของความขัดแย้ง และพยายามเข้าใจมุมมองของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
- สื่อสารอย่างเปิดเผยและจริงใจ: เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา โดยใช้ภาษาที่สุภาพและไม่ใช้คำที่อาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี
- มองหาทางออกที่เป็นกลาง: พยายามหาทางออกที่ยุติธรรมและสมดุลสำหรับทุกฝ่าย โดยไม่ให้ความสำคัญกับความรู้สึกส่วนตัว
- ปรับเปลี่ยนแผนการทำงาน: หากปัญหาเกิดจากแผนการทำงาน ควรพิจารณาปรับเปลี่ยนแผนใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาและลดความขัดแย้ง
- พยายามหาทางแก้ไขก่อน: พยายามแก้ไขปัญหากับเพื่อนร่วมงานก่อนที่จะนำเรื่องไปยังผู้บริหาร การแก้ปัญหาในระดับนี้ช่วยลดความตึงเครียดและรักษาความสัมพันธ์ที่ดี
- ปรึกษาผู้บริหารหากจำเป็น: หากไม่สามารถแก้ปัญหาได้เอง ควรนำเรื่องไปปรึกษากับระดับผู้บริหาร โดยรายงานตามความเป็นจริงและไม่ใส่สีตีความให้เกินความเป็นจริง
- คิดถึงผลประโยชน์ของบริษัท: การตัดสินใจทุกครั้งควรคำนึงถึงผลประโยชน์ของบริษัทเป็นหลัก เพื่อให้การทำงานเป็นไปในทิศทางที่ดีและประสบความสำเร็จ
- ปฏิบัติตามแนวทางที่ได้รับคำแนะนำ: หากได้รับคำแนะนำจากผู้บริหาร ควรปฏิบัติตามแนวทางนั้นอย่างเต็มที่และจริงจัง
- ติดตามผลการแก้ไขปัญหา: หลังจากแก้ไขปัญหาแล้ว ควรติดตามผลเพื่อให้แน่ใจว่าความขัดแย้งได้รับการแก้ไขและไม่กลับมาเกิดขึ้นอีก
5. อย่าให้ความสัมพันธ์ในองค์กรมารบกวนการทำงาน
คุณต้องแน่ใจว่าไม่ได้ปล่อยให้ความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนเข้ามารบกวนในเนื้อหาของการทำงาน คุณต้องให้ความสนใจไปที่การจัดลำดับความสำคัญของงานมากกว่า มุ่งเน้นให้งานมาก่อนเสมอ และต้องพยายามลดข้อโต้แย้งในประเด็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานออกไป
แนวทางในการรักษาความสัมพันธ์ในองค์กรอย่างเหมาะสม
- แยกแยะเรื่องงานและเรื่องส่วนตัว: รักษาระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์ในฐานะเพื่อนกับการทำงาน โดยไม่ให้เรื่องส่วนตัวเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจหรือการปฏิบัติงาน
- จัดลำดับความสำคัญของงาน: ให้ความสำคัญกับการจัดลำดับงานที่ต้องทำ เพื่อให้งานสำเร็จลุล่วงตามเป้าหมาย และไม่ปล่อยให้ความสัมพันธ์ส่วนตัวมาขัดขวางประสิทธิภาพการทำงาน
- สื่อสารอย่างมืออาชีพ: ใช้ภาษาที่สุภาพและเป็นมืออาชีพเมื่อสื่อสารกับเพื่อนร่วมงาน แม้จะเป็นเพื่อนสนิทก็ตาม เพื่อรักษาบรรยากาศที่เหมาะสมในที่ทำงาน
- หลีกเลี่ยงการพูดถึงเรื่องส่วนตัว: พยายามหลีกเลี่ยงการพูดถึงหรือโต้แย้งในประเด็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการทำงานในเวลาทำงาน
- มุ่งเน้นเป้าหมายร่วมกัน: ตั้งเป้าหมายการทำงานที่ชัดเจนและมุ่งเน้นไปที่การบรรลุเป้าหมายร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือและลดความขัดแย้ง
- เคารพความคิดเห็นของผู้อื่น: รับฟังและเคารพความคิดเห็นของเพื่อนร่วมงานทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือไม่ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างและเป็นมิตร
- จัดการกับความขัดแย้งอย่างสร้างสรรค์: หากเกิดความขัดแย้ง ควรจัดการด้วยวิธีที่สร้างสรรค์และไม่ใช้เรื่องส่วนตัวมาเป็นประเด็น
- ให้ความสำคัญกับผลงาน: ประเมินและให้ความสำคัญกับผลงานที่เกิดจากความสามารถและความพยายาม ไม่ใช่จากความสัมพันธ์ส่วนตัว
- รักษาความเป็นธรรม: ปฏิบัติต่อทุกคนอย่างยุติธรรมและไม่ลำเอียง เพื่อให้ทุกคนรู้สึกว่าตนเองได้รับการยอมรับและเคารพ
6. เปิดใจคุยกันหากมีเรื่องที่ไม่เข้าใจ
การปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความสุภาพนอบน้อม กับหัวหน้างานและผู้หลักผู้ใหญ่ในองค์กร รู้จักถ่อมตน และหากได้รับการชื่นชม ต้องรู้จักให้เครดิตเพื่อนๆ พี่ๆ ร่วมงานในทีมเสมอ การทำงานต้องเปิดใจให้กว้าง ให้การเคารพต่อความรู้สึกของเพื่อนร่วมงาน เหมือนอย่างเช่นที่คุณต้องการให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นทำสิ่งเดียวกันนี้กับคุณเช่นเดียวกัน
แนวทางในการปฏิบัติตนด้วยความอ่อนน้อม ถ่อมตน และเปิดใจ
- สุภาพและนอบน้อม: การพูดคุยและปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานควรใช้ภาษาที่สุภาพ และแสดงออกถึงความเคารพ การทักทายด้วยรอยยิ้มและการรับฟังอย่างตั้งใจช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน
- ถ่อมตน: เมื่อได้รับการชื่นชม ควรแสดงความถ่อมตนและยอมรับว่า ความสำเร็จไม่ได้เกิดจากการทำงานคนเดียว แต่เป็นผลของการทำงานร่วมกันในทีม
- ให้เครดิตแก่เพื่อนร่วมงาน: หากได้รับการชื่นชม ควรแบ่งเครดิตและยกย่องเพื่อนร่วมงานที่มีส่วนร่วมในการทำงาน โดยกล่าวถึงความสำคัญของทุกคนในทีม
- เปิดใจรับฟัง: เปิดใจรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากเพื่อนร่วมงาน ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย การเปิดใจรับฟังช่วยให้เราเข้าใจมุมมองและความรู้สึกของผู้อื่นมากขึ้น
- เคารพความรู้สึกของผู้อื่น: ปฏิบัติต่อเพื่อนร่วมงานด้วยความเคารพต่อความรู้สึกของพวกเขา ทำให้พวกเขารู้สึกว่าความรู้สึกและความคิดเห็นของพวกเขามีค่าและได้รับการยอมรับ
- ตอบสนองด้วยความเข้าใจ: เมื่อเพื่อนร่วมงานมีข้อกังวลหรือปัญหา ควรตอบสนองด้วยความเข้าใจและให้การสนับสนุน เพื่อแสดงให้เห็นว่าเราใส่ใจและพร้อมที่จะช่วยเหลือ
- เรียนรู้จากผู้อื่น: การยอมรับว่าตนเองยังมีสิ่งที่ต้องเรียนรู้อีกมากมาย และพร้อมที่จะเรียนรู้จากเพื่อนร่วมงานและผู้มีประสบการณ์ จะช่วยให้เราพัฒนาและเติบโตในหน้าที่การงาน
- สร้างความสัมพันธ์ที่ดี: การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานทำให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพ
- แสดงความเป็นมืออาชีพ: ปฏิบัติตนด้วยความเป็นมืออาชีพในทุกสถานการณ์ แม้ในเวลาที่ต้องเผชิญกับความขัดแย้ง หรือความคิดเห็นที่แตกต่าง
7. ยอมรับในความแตกต่าง
เพื่อนร่วมงานแต่ละคนไม่ได้ใช้มาตรฐานแบบเดียวกัน ไม่ได้มีนิสัย ลักษณะอารมณ์ที่เหมือนๆ กัน ล้วนแล้วแต่มาจากหลากหลายที่ ในการทำงาน ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเราให้มาก ยอมรับในความแตกต่างและต้องรู้จักใช้เหตุผลตัดสิน
แนวทางในการยอมรับและปฏิบัติต่อความแตกต่างในที่ทำงาน
- ทำความเข้าใจกับวัฒนธรรมและภูมิหลัง: เรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและภูมิหลังของเพื่อนร่วมงานแต่ละคน เพื่อเข้าใจมุมมองและการปฏิบัติตัวของพวกเขา
- เคารพและยอมรับความแตกต่าง: ยอมรับและเคารพในความแตกต่างทั้งในด้านวัฒนธรรม นิสัย และลักษณะอารมณ์ของเพื่อนร่วมงาน โดยไม่ใช้มาตรฐานของตนเองมาตัดสินคนอื่น
- ใช้เหตุผลในการตัดสิน: เมื่อเกิดความขัดแย้งหรือความไม่เข้าใจ ควรใช้เหตุผลและการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพในการหาทางแก้ไข มากกว่าการตัดสินจากอารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัว
- เอาใจเขามาใส่ใจเรา: พยายามมองโลกจากมุมมองของผู้อื่น และคิดถึงความรู้สึกของพวกเขาเมื่อมีการตัดสินใจหรือแสดงความคิดเห็น
- สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเปิดกว้าง: ส่งเสริมบรรยากาศที่ทุกคนสามารถแสดงความคิดเห็นและมีส่วนร่วมในการทำงาน โดยไม่มีการแบ่งแยกหรืออคติ
- พัฒนาทักษะการสื่อสาร: เรียนรู้วิธีการสื่อสารที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย เพื่อให้สามารถสื่อสารกับเพื่อนร่วมงานที่มาจากวัฒนธรรมที่แตกต่างได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฝึกการฟังอย่างตั้งใจ: การฟังอย่างตั้งใจและไม่ขัดจังหวะเมื่อผู้อื่นพูด จะช่วยให้เราเข้าใจความต้องการและมุมมองของเพื่อนร่วมงานได้ดียิ่งขึ้น
- ปรับตัวและยืดหยุ่น: พร้อมที่จะปรับตัวและยืดหยุ่นในการทำงานร่วมกับคนที่มีลักษณะและนิสัยที่แตกต่างกัน เพื่อให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่น
- สนับสนุนการทำงานเป็นทีม: ส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและการร่วมมือกัน โดยเน้นที่เป้าหมายและความสำเร็จร่วมกันมากกว่าความแตกต่างส่วนบุคคล
- ขอความช่วยเหลือและคำแนะนำ: หากมีข้อสงสัยหรือไม่แน่ใจในการปฏิบัติตนต่อความแตกต่าง ควรขอความช่วยเหลือหรือคำแนะนำจากผู้ที่มีประสบการณ์หรือผู้บริหาร