เว็บไซต์หางาน Part Time และประกาศรับสมัครงานทุกประเภท

งานเพิ่มเงินไม่เพิ่ม ปัญหาโลกแตกของคนทำงาน

งานเพิ่มเงินไม่เพิ่ม ปัญหาโลกแตกของคนทำงาน
ทำอย่างไรดี งานเพิ่มเงินไม่เพิ่ม ปัญหาที่คนทำงานส่วนใหญ่ต้องมีความรู้สึกว่าไม่เท่าเทียมหรือว่าไม่เหมาะสม แต่จะมีวิธีการแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อให้คนทำงานรู้สึกว่าการทำงานได้รับการยอมรับ โดยรายละเอียดของการแก้ไขปัญหางานเพิ่มเงินไม่เพิ่มจะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามไปพร้อมกันกับ PartTimeTH ได้เลย

งานเพิ่มเงินไม่เพิ่ม ส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง ?

งานเพิ่มเงินไม่เพิ่ม การทำงานเกินหน้าที่โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมสามารถส่งผลกระทบในหลายด้านได้ ดังนี้

1. การประเมินหน้าที่และค่าตอบแทน

การประเมินหน้าที่และค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานได้รับค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและเหมาะสมกับหน้าที่และความรับผิดชอบของพวกเขา นี่คือขั้นตอนและแนวทางในการดำเนินการ

1. การวิเคราะห์หน้าที่งาน (Job Analysis)

  • ศึกษาความรับผิดชอบของแต่ละตำแหน่ง: รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับลักษณะของงาน รวมถึงความรับผิดชอบหลัก, ทักษะที่ต้องการ, และข้อกำหนดของงาน
  • สัมภาษณ์พนักงานและผู้จัดการ: ใช้การสัมภาษณ์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับหน้าที่งานและความคาดหวัง

2. การเปรียบเทียบค่าตอบแทน (Compensation Benchmarking)

  • วิจัยตลาด: ตรวจสอบข้อมูลค่าตอบแทนจากแหล่งข้อมูลภายนอก เช่น เว็บไซต์อัตราค่าตอบแทน, รายงานการสำรวจค่าตอบแทน, และข้อมูลจากองค์กรอาชีพ
  • เปรียบเทียบกับคู่แข่ง: ตรวจสอบค่าตอบแทนที่คู่แข่งในอุตสาหกรรมเดียวกันเสนอให้กับตำแหน่งที่คล้ายกัน

3. การประเมินความยุติธรรม (Equity Evaluation)

  • เปรียบเทียบภายใน: ตรวจสอบว่าค่าตอบแทนที่พนักงานได้รับมีความยุติธรรมเมื่อเปรียบเทียบกับตำแหน่งอื่นภายในองค์กรที่มีความรับผิดชอบและทักษะที่คล้ายคลึงกัน
  • ประเมินความเป็นธรรม: ตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีการให้ค่าตอบแทนที่เท่าเทียมสำหรับหน้าที่งานที่มีความรับผิดชอบและความท้าทายที่คล้ายคลึงกัน

4. การกำหนดแผนค่าตอบแทน (Compensation Plan Development)

  • ออกแบบโครงสร้างค่าตอบแทน: พัฒนาแผนค่าตอบแทนที่รวมทั้งเงินเดือน, โบนัส, สวัสดิการ และผลประโยชน์อื่น ๆ ที่เหมาะสม
  • ตั้งเกณฑ์การประเมิน: สร้างเกณฑ์ที่ชัดเจนสำหรับการประเมินผลการทำงานและการให้รางวัล

5. การทบทวนและปรับปรุง (Review and Adjustments)

  • ติดตามผล: ประเมินผลของแผนค่าตอบแทนอย่างสม่ำเสมอเพื่อดูว่ามันยังคงเหมาะสมกับตลาดและความต้องการขององค์กร
  • ปรับปรุงตามความจำเป็น: ปรับปรุงแผนค่าตอบแทนตามข้อเสนอแนะจากพนักงาน, การเปลี่ยนแปลงในตลาดแรงงาน, และผลการดำเนินงานขององค์กร

6. การสื่อสารและการดำเนินการ (Communication and Implementation)

  • สื่อสารกับพนักงาน: แจ้งพนักงานเกี่ยวกับโครงสร้างค่าตอบแทน, เกณฑ์การประเมิน, และโอกาสในการปรับขึ้นค่าตอบแทน
  • ดำเนินการตามแผน: ใช้แผนที่พัฒนาขึ้นเพื่อดำเนินการให้เกิดการจ่ายค่าตอบแทนที่ยุติธรรมและเหมาะสม

การประเมินหน้าที่และค่าตอบแทนอย่างเหมาะสมช่วยให้พนักงานรู้สึกได้รับการตอบแทนอย่างยุติธรรมและเป็นการสนับสนุนความพึงพอใจในงานและประสิทธิภาพการทำงาน โดยการวิเคราะห์หน้าที่งาน เปรียบเทียบกับตลาด และปรับปรุงแผนค่าตอบแทนอย่างสม่ำเสมอเป็นกุญแจสำคัญในกระบวนการนี้

2. ความสบายใจในการทำงาน

การทำงานเกินหน้าที่โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมสามารถส่งผลกระทบต่อความสบายใจในการทำงานและประสิทธิภาพของพนักงานได้หลายประการ

1. ความรู้สึกไม่เป็นธรรม

พนักงานอาจรู้สึกว่าการที่ต้องทำงานเกินหน้าที่โดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมเป็นการละเมิดความยุติธรรม และอาจทำให้พวกเขารู้สึกไม่ได้รับการให้คุณค่าหรือไม่เป็นที่เคารพในองค์กร

2. การขาดแรงจูงใจ

หากพนักงานรู้สึกว่าความพยายามของพวกเขาไม่ได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสม พวกเขาอาจขาดแรงจูงใจในการทำงานและรู้สึกหมดไฟ

3. ความเครียดและความวิตกกังวล

การทำงานเกินหน้าที่อาจเพิ่มภาระงานและความเครียด ส่งผลให้พนักงานรู้สึกวิตกกังวลและมีปัญหาสุขภาพจิต

4. ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในที่ทำงาน

ความไม่พอใจเกี่ยวกับการทำงานเกินหน้าที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดระหว่างพนักงานและผู้บังคับบัญชา หรือระหว่างพนักงานในทีม

5. การลดประสิทธิภาพในการทำงาน

ความรู้สึกไม่พอใจและการขาดแรงจูงใจอาจทำให้คุณภาพงานลดลง และอาจส่งผลให้เป้าหมายของทีมและองค์กรไม่สำเร็จ

การจัดการกับปัญหานี้สามารถทำได้โดยการสื่อสารที่เปิดเผยและซื่อสัตย์เกี่ยวกับความคาดหวังและค่าตอบแทน รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงนโยบายหรือแนวทางการทำงานเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและสนับสนุนพนักงานในทางที่เหมาะสม

ความสบายใจในการทำงาน

3. ความผิดหวังและความขุ่นเคืองใจ

ความผิดหวังและความขุ่นเคืองใจของพนักงานที่ไม่ได้รับการยอมรับในความพยายามและการทำงานของพวกเขาสามารถมีผลกระทบหลายด้านต่อทีมและองค์กร ดังนี้

1. ปัญหาด้านการทำงานร่วมกันในทีม

  • ลดความร่วมมือ: พนักงานที่รู้สึกว่าการทำงานของพวกเขาไม่ได้รับการยอมรับอาจมีแนวโน้มที่จะขาดความกระตือรือร้นในการช่วยเหลือเพื่อนร่วมงานและการร่วมมือในทีม
  • สร้างความตึงเครียด: ความรู้สึกผิดหวังและขุ่นเคืองใจสามารถสร้างความตึงเครียดระหว่างสมาชิกในทีม ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งและปัญหาในการทำงานร่วมกัน

2. ลดประสิทธิภาพการทำงาน

  • ลดความกระตือรือร้น: พนักงานที่รู้สึกไม่เป็นที่ยอมรับอาจมีความกระตือรือร้นในการทำงานลดลง ทำให้ผลลัพธ์ของงานไม่ดีเท่าที่ควร
  • เพิ่มอัตราการลาออก: ความรู้สึกผิดหวังอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้พนักงานตัดสินใจลาออกจากงาน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต่อเนื่องของโครงการและงานต่าง ๆ ในองค์กร

3. ส่งผลต่อบรรยากาศในการทำงาน

  • บรรยากาศที่ไม่ดี: ความรู้สึกผิดหวังของพนักงานสามารถทำให้บรรยากาศในการทำงานเป็นเชิงลบ ส่งผลกระทบต่อความสุขและความพอใจของพนักงานคนอื่น ๆ

4. ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง

การลดประสิทธิภาพในการทำงานจากความรู้สึกถูกเอาเปรียบเป็นปัญหาที่พบบ่อยในที่ทำงาน และสามารถส่งผลกระทบต่อทั้งพนักงานและองค์กรได้ในหลายด้าน ต่อไปนี้เป็นสาเหตุและวิธีการจัดการกับปัญหานี้

สาเหตุของการลดประสิทธิภาพในการทำงาน

1. ความไม่พอใจในค่าตอบแทน

พนักงานอาจรู้สึกว่าค่าตอบแทนที่ได้รับไม่สอดคล้องกับความพยายามและผลลัพธ์ที่ตนเองทำให้กับองค์กร

2. ความไม่เป็นธรรมในที่ทำงาน

การได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรม เช่น การให้สิทธิพิเศษกับบางคน หรือการตัดสินใจที่ไม่โปร่งใส

3. การขาดโอกาสในการเติบโต

พนักงานอาจรู้สึกว่าตนเองไม่มีโอกาสในการพัฒนาทักษะและเติบโตในอาชีพ

4. ความรู้สึกไม่มีคุณค่า

เมื่อพนักงานรู้สึกว่าการทำงานของตนไม่มีความหมายหรือไม่ได้รับการยอมรับ

วิธีการแก้ไขจากการทำงานเพิ่มแต่รับรายได้ไม่เหมาะสม

1. การสื่อสารที่ชัดเจน

การสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างพนักงานและผู้บริหารเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดีและการเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร ต่อไปนี้เป็นแนวทางและกลยุทธ์ในการสร้างช่องทางที่เปิดกว้างสำหรับการสื่อสาร

แนวทางในการสื่อสารที่ชัดเจน

1. เปิดช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย

  • การประชุมประจำสัปดาห์: จัดการประชุมทีมอย่างสม่ำเสมอเพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความก้าวหน้า เป้าหมาย และปัญหาต่างๆ
  • ช่องทางการติดต่อแบบออนไลน์: ใช้เครื่องมือการสื่อสารออนไลน์ เช่น Slack, Microsoft Teams หรือ Zoom สำหรับการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว
  • กล่องความคิดเห็น (Suggestion Box): ใช้กล่องความคิดเห็นหรือแบบฟอร์มออนไลน์ให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะได้อย่างไม่เปิดเผยตัวตน

2. ฟังอย่างตั้งใจ

  • การฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening): ผู้บริหารควรฝึกการฟังอย่างตั้งใจเพื่อเข้าใจปัญหาและความกังวลของพนักงานอย่างแท้จริง
  • การสรุปข้อมูล: สรุปสิ่งที่พนักงานพูดเพื่อให้แน่ใจว่าเข้าใจถูกต้องและแสดงให้เห็นว่าความคิดเห็นของพนักงานมีความสำคัญ

3. ตอบกลับอย่างชัดเจนและตรงไปตรงมา

  • การตอบกลับที่โปร่งใส: การตอบคำถามหรือข้อกังวลของพนักงานควรชัดเจนและตรงไปตรงมา พร้อมอธิบายเหตุผลของการตัดสินใจ
  • การให้ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน: ให้ข้อมูลและการอัปเดตล่าสุดเกี่ยวกับสถานการณ์และการตัดสินใจในองค์กร

4. สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร

  • การเปิดใจและการให้กำลังใจ: ส่งเสริมวัฒนธรรมที่สนับสนุนการแสดงความกังวลและข้อเสนอแนะอย่างอิสระ
  • การใช้ภาษาที่สร้างความไว้วางใจ: ใช้ภาษาที่เป็นมิตรและไม่เป็นทางการในการสื่อสารเพื่อทำให้พนักงานรู้สึกสบายใจ

5. ให้การตอบรับและการติดตามผล

  • การติดตามผล: ตรวจสอบสถานะของปัญหาหรือข้อเสนอแนะที่พนักงานได้ยื่นเข้ามาและแจ้งผลการดำเนินการ
  • การขอบคุณ: แสดงความขอบคุณสำหรับความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่พนักงานนำเสนอ

2. ให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต

การให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตเป็นสิ่งสำคัญในการดูแลพนักงานและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขา ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและลดปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากความเครียดและปัญหาทางจิตใจ นี่คือวิธีการและแนวทางในการให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตสำหรับพนักงาน

แนวทางในการให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต

1. จัดเตรียมบริการให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิต

บริการคำปรึกษาในที่ทำงาน: จัดให้มีนักจิตวิทยาหรือที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตมาให้บริการที่สำนักงาน เช่น การตั้งคลินิกสุขภาพจิตประจำเดือนหรือประจำสัปดาห์
บริการคำปรึกษาผ่านโทรศัพท์หรือออนไลน์: เสนอการให้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น โทรศัพท์, Zoom หรือ Skype สำหรับพนักงานที่ไม่สะดวกในการพบกันที่สำนักงาน

2. จัดอบรมและสัมมนาด้านสุขภาพจิต

  • การฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการความเครียด: จัดการฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการจัดการความเครียด เทคนิคการผ่อนคลาย และการสร้างความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว
  • สัมมนาเกี่ยวกับสุขภาพจิต: จัดสัมมนาหรือกิจกรรมที่มุ่งเน้นการให้ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพจิต เช่น การสร้างทัศนคติที่ดีต่อสุขภาพจิต และวิธีการดูแลตัวเอง

3. สร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนสุขภาพจิต

  • การสร้างพื้นที่พักผ่อน: จัดเตรียมพื้นที่สำหรับการพักผ่อน เช่น ห้องพักผ่อนที่เงียบสงบพร้อมอุปกรณ์ที่ช่วยในการผ่อนคลาย เช่น เก้าอี้นวดหรือพืชพันธุ์
  • การส่งเสริมการพักผ่อน: สนับสนุนให้พนักงานใช้วันหยุดและพักผ่อนอย่างเหมาะสม

4. ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิต

  • การแจกเอกสารหรือบอร์ดข่าว: แจกเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับสุขภาพจิต การจัดการความเครียด และทรัพยากรที่สามารถเข้าถึงได้
  • การเผยแพร่ข้อมูลในองค์กร: ใช้บอร์ดข่าว, จดหมายข่าว หรือแพลตฟอร์มออนไลน์ในการเผยแพร่ข้อมูลและทรัพยากรด้านสุขภาพจิต

5. ส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ดีต่อสุขภาพจิต

  • การเปิดใจรับฟังปัญหา: สร้างวัฒนธรรมที่เปิดกว้างในการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิต และสนับสนุนการแสดงความรู้สึกและปัญหา
  • การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงาน: ส่งเสริมการพูดคุยเกี่ยวกับสุขภาพจิตในที่ประชุมและกิจกรรมต่างๆ ขององค์กร

6. การจัดการกับปัญหาทางจิตใจอย่างเป็นระบบ

  • การวางแผนการช่วยเหลือพนักงาน: จัดทำแผนการช่วยเหลือพนักงานที่มีปัญหาด้านสุขภาพจิต โดยมีการติดตามผลและปรับปรุงตามความต้องการ
  • การประเมินและปรับปรุงโปรแกรม: ประเมินประสิทธิภาพของโปรแกรมด้านสุขภาพจิตเป็นระยะๆ และปรับปรุงให้เหมาะสมกับความต้องการของพนักงาน
ให้การสนับสนุนด้านสุขภาพจิต

3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนและให้ความสำคัญกับพนักงาน

การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่สนับสนุนและให้ความสำคัญกับพนักงานเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความผูกพันของพนักงานต่อองค์กร นี่คือบางขั้นตอนที่สามารถทำได้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนและสร้างความพึงพอใจในการทำงาน

1. การสนับสนุนและการพัฒนาบุคลากร

  • การพัฒนาทักษะและความรู้: ให้โอกาสและทรัพยากรที่เหมาะสมให้กับพนักงานเพื่อพัฒนาทักษะและความรู้ในงาน โดยการจัดการอบรมและการพัฒนาที่ตรงตามความต้องการของพนักงาน
  • การส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต: สนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้และพัฒนาตนเองตลอดจนถึงชีวิตประจำวัน เช่น การสนับสนุนให้เข้าร่วมคอร์สออนไลน์หรือกิจกรรมฝึกอบรมนอกงาน

2. การสื่อสารและการโต้ตอบ

  • การสื่อสารที่เปิดกว้างและโปร่งใส: สร้างบรรยากาศที่สามารถพูดคุยได้อย่างเปิดกว้าง และสนับสนุนการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ
  • การตอบรับและการติดตาม: ให้การตอบรับที่ชัดเจนและโปร่งใสต่อความคิดเห็น และมีการติดตามการดำเนินการเพื่อให้แน่ใจว่ามีการแก้ไขปัญหาและการปรับปรุงตามต้องการ

3. การส่งเสริมการทำงานเป็นทีมและความร่วมมือ

  • การทำงานร่วมกับทีม: สนับสนุนการทำงานร่วมกับทีมอย่างเชิงบวก โดยสร้างการทำงานเป็นทีมที่มีความร่วมมือและความเข้าใจ
  • การสร้างความสัมพันธ์: สนับสนุนกิจกรรมที่ช่วยในการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีม อาทิเช่น กิจกรรมสันทนาการหรือการเล่นทีม

4. การสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนความยืดหยุ่นและการพัฒนา

  • การสนับสนุนการทำงานอย่างยืดหยุ่น: สร้างบรรยากาศที่สนับสนุนการทำงานอย่างยืดหยุ่นและไม่มีความกดดันที่เกินไป เช่น การอนุญาตให้ทำงานที่บ้านหรือการทำงานระยะไกล
  • การส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ: สนับสนุนให้พนักงานมีโอกาสพัฒนาอาชีพและเสริมสร้างทักษะใหม่ๆ เพื่อการเติบโตและความก้าวหน้าในงาน

5. การสนับสนุนความสุขและความเป็นอยู่ที่ดี

  • การสนับสนุนสุขภาพและสุขภาพจิต: ให้บริการสุขภาพและสุขภาพจิตที่ดีให้แก่พนักงาน เช่น การจัดกิจกรรมสุขภาพและสมาธิที่สถานที่ทำงาน
  • การสนับสนุนความสุขส่วนบุคคล: สนับสนุนให้พนักงานมีความสุขส่วนบุคคลและความพึงพอใจในชีวิตส่วนตัว โดยให้โอกาสในการทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับครอบครัวและกิจกรรมส่วนตัว

สรุปส่งท้าย

การแก้ไขปัญหาการที่มีหน้าที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมจะช่วยให้พนักงานมีความสุขและมีประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อทั้งพนักงานและองค์กรในระยะยาว
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์

Share:

ความคิดเห็น

ประกาศที่เกี่ยวข้อง

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน การที่พนักงานหมดไฟจากการทำงาน เป็นได้หลายสาเหตุด้วยกัน โดยทาง…
บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพที่ดีมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงานจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียว การมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นควรพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมพร้อมกับทักษะในสายงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในองค์กร โดยในวันนี้ PartTimeTH…
วิธีรับมือคน Toxic ในสถานที่ทำงาน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

วิธีรับมือคน Toxic ในสถานที่ทำงาน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

ในสถานที่ทำงาน หลายคนอาจพบเจอกับบุคคลที่มีพฤติกรรมที่ทำให้บรรยากาศการทำงานตึงเครียด และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของผู้อื่น คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า “คน Toxic”…

หัวข้อ

ประกาศล่าสุด

[งานประจำ] รับสมัครพนักงานขาย ร้านเฉาก๊วยตาตั้ม

[งานประจำ] รับสมัครพนักงานขาย ร้านเฉาก๊วยตาตั้ม

มีใครกำลังมองหางานอยู่หรือไม่ ? ประกาศรับสมัครพนักงานขาย ร้านเฉาก๊วยตาตั้ม ประจำสาขาเซ็นทรัลเวิร์ลด์ และ…
[งานราชการ] รับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา

[งานราชการ] รับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา

ประกาศรับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา โดยรับสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่…

บทความล่าสุด

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน การที่พนักงานหมดไฟจากการทำงาน เป็นได้หลายสาเหตุด้วยกัน โดยทาง…
บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพที่ดีมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงานจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียว การมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นควรพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมพร้อมกับทักษะในสายงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในองค์กร โดยในวันนี้ PartTimeTH…