5 เทคนิคเรียกเงินเดือนสูง สำหรับเด็กจบใหม่ ?
การเรียกเงินเดือนสูงสำหรับเด็กจบใหม่อาจเป็นเรื่องท้าทาย แต่มีเทคนิคเรียกเงินเดือนสูงที่ช่วยเพิ่มโอกาสได้
1. เตรียมตัวให้ดี
การเตรียมตัวให้ดีเป็นขั้นตอนสำคัญในการเรียกเงินเดือนสูง นี่คือวิธีการเตรียมตัวในแต่ละด้าน
1. ศึกษาเกี่ยวกับบริษัท
- ประวัติและพันธกิจ: เข้าใจวิสัยทัศน์และพันธกิจของบริษัท
- ผลิตภัณฑ์/บริการ: รู้จักผลิตภัณฑ์หรือบริการที่บริษัทเสนอ
- วัฒนธรรมองค์กร: ศึกษาว่าบริษัทมีวัฒนธรรมองค์กรอย่างไร
2. เข้าใจตำแหน่งงาน
- บทบาทและความรับผิดชอบ: ศึกษาคำอธิบายงานเพื่อให้เข้าใจความรับผิดชอบหลัก
- ทักษะที่ต้องการ: ระบุทักษะและความรู้ที่บริษัทต้องการสำหรับตำแหน่งนั้น
- โอกาสในการเติบโต: ดูว่าตำแหน่งนี้มีโอกาสในการเติบโตในบริษัทหรือไม่
3. ทำความเข้าใจเกี่ยวกับอุตสาหกรรม
- แนวโน้มของอุตสาหกรรม: ศึกษาแนวโน้มล่าสุดและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรม
- คู่แข่ง: รู้จักคู่แข่งหลักและตำแหน่งที่คล้ายกันในตลาด
4. เงินเดือนเฉลี่ย
- วิจัยเงินเดือน: ใช้แหล่งข้อมูลออนไลน์เช่น Glassdoor, Payscale หรือ LinkedIn เพื่อค้นหาเงินเดือนเฉลี่ยสำหรับตำแหน่งที่คุณสนใจ
- พูดคุยกับคนในอุตสาหกรรม: หากเป็นไปได้ คุยกับเพื่อนหรือผู้รู้ในอุตสาหกรรมเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติม
2. สร้างเรซูเม่ที่โดดเด่น
การสร้างเรซูเม่ที่โดดเด่นมีขั้นตอนสำคัญที่ควรทำดังนี้
1. เน้นทักษะที่เกี่ยวข้อง
- ทักษะหลัก: ระบุทักษะที่ตรงกับความต้องการของตำแหน่ง เช่น การใช้ซอฟต์แวร์เฉพาะ, ทักษะการวิเคราะห์, หรือทักษะการสื่อสาร
- ทักษะที่ได้จากประสบการณ์: รวมถึงทักษะที่คุณเรียนรู้จากการฝึกงานหรือโครงการ เช่น การทำงานเป็นทีม, การจัดการเวลา, หรือการแก้ปัญหา
2. แสดงประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์
- การฝึกงาน: ระบุความรับผิดชอบที่คุณมีและสิ่งที่คุณเรียนรู้จากการฝึกงาน
- โครงการที่สำเร็จ: แสดงผลลัพธ์และความสำเร็จจากโครงการที่คุณมีส่วนร่วม เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพ, การพัฒนาแผนงาน, หรือการบรรลุเป้าหมาย
- งานพิเศษหรืออาสาสมัคร: หากคุณมีประสบการณ์จากงานพิเศษหรืออาสาสมัครที่เกี่ยวข้อง ให้รวมไว้เพื่อแสดงความหลากหลายของทักษะและประสบการณ์
3. เน้นความสำเร็จทางวิชาการ
- เกรดเฉลี่ย: หากคุณมีเกรดเฉลี่ยที่ดีหรือโดดเด่น สามารถระบุในเรซูเม่ได้
- ผลงานวิจัยหรือโปรเจกต์: หากมีผลงานวิจัยหรือโปรเจกต์ที่สำคัญ ให้รวมไว้เพื่อแสดงถึงความเชี่ยวชาญของคุณในสาขานั้นๆ
- รางวัลหรือเกียรติคุณ: หากเคยได้รับรางวัลหรือเกียรติคุณทางวิชาการ ให้รวมไว้เพื่อแสดงถึงความโดดเด่นของคุณ
4. ใช้รูปแบบที่เป็นมืออาชีพ
- ชัดเจนและกระชับ: ใช้ภาษาที่ชัดเจนและกระชับ หลีกเลี่ยงการใช้คำที่ซับซ้อนหรือยืดยาว
- การจัดรูปแบบ: ใช้รูปแบบที่สะอาดตาและเป็นระเบียบ เช่น การจัดหมวดหมู่เป็นลำดับชัดเจน และการใช้จุดหรือลิสต์เพื่อทำให้ข้อมูลอ่านง่าย
การทำเรซูเม่ที่โดดเด่นจะช่วยให้คุณมีโอกาสสูงขึ้นในการดึงดูดความสนใจของผู้ว่าจ้างและเพิ่มโอกาสในการได้รับข้อเสนอที่ดี
3. ใช้โอกาสสัมภาษณ์ให้คุ้มค่า
การใช้โอกาสสัมภาษณ์ให้คุ้มค่าเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความประทับใจให้กับผู้สัมภาษณ์ นี่คือวิธีที่คุณสามารถเตรียมตัวได้
1. ศึกษาเกี่ยวกับคำถามที่พบบ่อย
- คำถามทั่วไป: เช่น “บอกเราหน่อยเกี่ยวกับตัวคุณ” หรือ “ทำไมคุณถึงสนใจตำแหน่งนี้?”
- คำถามเกี่ยวกับทักษะ: เช่น “คุณเคยจัดการกับสถานการณ์ที่ท้าทายอย่างไร?” หรือ “อธิบายโครงการที่คุณภูมิใจที่สุด”
2. เตรียมคำตอบที่ดี
- ใช้ STAR Method: (Situation, Task, Action, Result) เพื่อให้คำตอบของคุณมีโครงสร้างและเน้นถึงความสำเร็จที่คุณมี
- เน้นทักษะที่เกี่ยวข้อง: บอกให้ชัดเจนว่าทักษะและประสบการณ์ของคุณจะช่วยให้บริษัทบรรลุเป้าหมายหรือแก้ปัญหาได้อย่างไร
3. เตรียมคำถามสำหรับผู้สัมภาษณ์
- ถามเกี่ยวกับตำแหน่ง: เช่น “ความสำเร็จที่บริษัทคาดหวังจากตำแหน่งนี้คืออะไร?”
- ถามเกี่ยวกับทีมและวัฒนธรรมองค์กร: เช่น “ทีมที่ฉันจะทำงานด้วยเป็นอย่างไร?” หรือ “วัฒนธรรมองค์กรที่นี่เป็นอย่างไร?”
4. แสดงความมั่นใจและกระตือรือร้น
- ภาษากาย: รักษาการสบตา ยิ้ม และนั่งตรงเพื่อแสดงถึงความมั่นใจ
- การพูด: พูดอย่างชัดเจนและไม่ลุกลี้ลุกลน แสดงให้เห็นว่าคุณรู้จักตัวเองดีและเข้าใจบทบาทที่สมัคร
5. เชื่อมโยงความสามารถของคุณกับความต้องการของบริษัท
- ระบุปัญหาหรือความท้าทายที่บริษัทอาจเผชิญ: และอธิบายว่าคุณมีวิธีการหรือทักษะอย่างไรที่จะช่วยให้บริษัทจัดการกับปัญหานั้น
- แสดงความรู้ที่คุณมีเกี่ยวกับอุตสาหกรรม: เช่น แนวโน้มล่าสุดหรือปัญหาที่เกิดขึ้นและคุณมีความคิดอย่างไรในการจัดการ
6. ติดตามผลหลังสัมภาษณ์
- ส่งจดหมายขอบคุณ: ส่งจดหมายหรืออีเมลขอบคุณผู้สัมภาษณ์เพื่อแสดงความเคารพและย้ำความสนใจในตำแหน่ง
4. แสดงความมั่นใจในคุณค่า
การแสดงความมั่นใจในคุณค่าและสื่อสารถึงทักษะและความสามารถของคุณเป็นสิ่งสำคัญในการสัมภาษณ์ นี่คือวิธีที่คุณสามารถทำได้
1. ระบุทักษะและความสามารถหลักของคุณ
- เน้นทักษะเฉพาะ: ระบุทักษะที่เกี่ยวข้องกับตำแหน่ง เช่น ทักษะทางเทคนิค, การจัดการโครงการ, หรือทักษะการสื่อสาร
- เชื่อมโยงทักษะกับผลลัพธ์: อธิบายว่าทักษะเหล่านี้ช่วยให้คุณบรรลุผลลัพธ์ที่ดีอย่างไร เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือการแก้ปัญหา
2. ใช้ตัวอย่างที่ชัดเจน
- กรณีศึกษา: เล่าถึงตัวอย่างหรือประสบการณ์ที่แสดงถึงความสามารถของคุณในการจัดการกับสถานการณ์ที่ท้าทายหรือโครงการที่สำเร็จ
- ผลลัพธ์ที่จับต้องได้: แสดงผลลัพธ์ที่คุณทำได้ เช่น การเพิ่มยอดขาย, การลดต้นทุน, หรือการพัฒนาผลิตภัณฑ์
3. แสดงความเข้าใจในความต้องการของบริษัท
- วิจัยเกี่ยวกับบริษัท: เข้าใจความท้าทายหรือเป้าหมายของบริษัทและอธิบายว่าคุณจะช่วยให้บรรลุเป้าหมายเหล่านั้นได้อย่างไร
- ปรับทักษะให้ตรงกับความต้องการ: แสดงให้เห็นว่าทักษะของคุณตอบโจทย์ความต้องการของบริษัทอย่างไร
4. แสดงความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเอง
- ภาษากายที่มั่นใจ: ใช้ภาษากายที่บ่งบอกถึงความมั่นใจ เช่น การสบตา, ท่าทางที่เปิดเผย และการพูดอย่างชัดเจน
- ทัศนคติที่บวก: แสดงให้เห็นว่าคุณมีทัศนคติที่ดีและพร้อมที่จะรับความท้าทาย
5. เสนอแผนการในการปรับปรุงหรือพัฒนา
- แผนการสำหรับตำแหน่ง: อธิบายแผนการของคุณในการปรับปรุงหรือพัฒนาในตำแหน่งนั้น เช่น การเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ หรือการทำงานร่วมกับทีม
- วิสัยทัศน์ระยะยาว: แสดงให้เห็นว่าคุณมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับอนาคตในบริษัทและวิธีที่คุณจะเติบโตในบทบาทนี้
5. เจรจาต่อรอง
การเจรจาต่อรองเงินเดือนและสวัสดิการเป็นขั้นตอนสำคัญในการรับข้อเสนอและควรทำอย่างมีกลยุทธ์ นี่คือวิธีการที่คุณสามารถใช้ในการเจรจาต่อรอง
1. เตรียมข้อมูลให้พร้อม
- วิจัยเกี่ยวกับเงินเดือน: รู้ว่าตำแหน่งที่คุณสมัครมีเงินเดือนเฉลี่ยเท่าไรในตลาดงาน และข้อมูลนี้จะช่วยให้คุณมีฐานข้อมูลในการเจรจา
- ประเมินคุณค่า: ระบุทักษะและประสบการณ์ของคุณที่เพิ่มมูลค่าให้กับบริษัท เช่น ความสำเร็จที่คุณทำได้หรือความเชี่ยวชาญพิเศษที่คุณมี
2. เปิดการเจรจาด้วยความมั่นใจ
- เสนอข้อเสนอที่เป็นจริง: หากคุณต้องการเงินเดือนหรือสวัสดิการที่สูงกว่าที่เสนอให้ คุณสามารถเริ่มด้วยข้อเสนอที่สูงกว่าตามที่คุณต้องการเพื่อเปิดโอกาสในการเจรจา
- ชี้แจงเหตุผล: อธิบายเหตุผลที่คุณต้องการเงินเดือนหรือสวัสดิการที่สูงขึ้น โดยอ้างอิงจากการวิจัยตลาดและคุณค่าที่คุณนำมาสู่บริษัท
3. พิจารณาสวัสดิการอื่นๆ
- สวัสดิการที่สำคัญ: นอกจากเงินเดือน อาจมีสวัสดิการอื่นๆ ที่สำคัญ เช่น ประกันสุขภาพ, วันลาพักร้อน, หรือโอกาสในการพัฒนาอาชีพ
- เสนอการเปลี่ยนแปลง: หากเงินเดือนไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ คุณสามารถเจรจาเกี่ยวกับการเพิ่มสวัสดิการอื่นๆ หรือเงื่อนไขที่คุณต้องการ
4. แสดงความยืดหยุ่นและเปิดกว้าง
- พร้อมเจรจา: แสดงให้เห็นว่าคุณยินดีที่จะพูดคุยและหาข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายพอใจ
- เสนอทางเลือก: หากบริษัทไม่สามารถตอบสนองข้อเสนอของคุณได้ คุณสามารถเสนอทางเลือกที่เป็นมิตรและสร้างสรรค์ เช่น การเพิ่มเงินเดือนหลังจากผ่านช่วงทดลองงาน
5. ยืนยันข้อเสนอสุดท้าย
- สรุปข้อตกลง: เมื่อคุณและบริษัทตกลงกันได้แล้ว ให้ยืนยันข้อเสนอสุดท้ายและขอให้บริษัทจัดเตรียมเอกสารที่เกี่ยวข้อง
- ขอบคุณ: แสดงความขอบคุณสำหรับข้อเสนอและความพยายามในการเจรจา
6. เรียนรู้เกี่ยวกับตลาด
การเรียนรู้เกี่ยวกับตลาดงานและเงินเดือนเฉลี่ยเป็นการเตรียมตัวที่สำคัญเพื่อให้คุณสามารถเจรจาต่อรองได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือวิธีการที่คุณสามารถทำได้
1. วิจัยเงินเดือนเฉลี่ย
- แหล่งข้อมูลออนไลน์: ใช้เว็บไซต์เช่น Glassdoor, Payscale, LinkedIn Salary หรือ Indeed เพื่อค้นหาเงินเดือนเฉลี่ยสำหรับตำแหน่งที่คุณสนใจ
- รายงานการสำรวจเงินเดือน: ดูรายงานการสำรวจเงินเดือนที่จัดทำโดยบริษัทที่ปรึกษา หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม
2. เปรียบเทียบกับประสบการณ์ของคุณ
- ประสบการณ์และทักษะ: พิจารณาว่าประสบการณ์และทักษะของคุณเกินกว่าหรือสอดคล้องกับเงินเดือนเฉลี่ยในตลาดอย่างไร
- ตำแหน่งและบทบาท: ตรวจสอบว่าตำแหน่งที่คุณสมัครมีความแตกต่างจากตำแหน่งอื่นในตลาดหรือไม่ และเงินเดือนที่เสนอสะท้อนถึงความแตกต่างนั้นหรือไม่
3. ศึกษาเกี่ยวกับบริษัท
- นโยบายเงินเดือน: ศึกษานโยบายของบริษัทเกี่ยวกับการตั้งเงินเดือน ซึ่งอาจพบข้อมูลนี้ในรีวิวบริษัทหรือการสนทนากับพนักงานปัจจุบัน
- สถานะการเงินของบริษัท: เข้าใจเกี่ยวกับสถานะการเงินของบริษัท เช่น การเติบโตทางธุรกิจหรือการขยายตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการตั้งเงินเดือน
4. เตรียมข้อมูลเพื่อสนับสนุนข้อเสนอของคุณ
- การวิเคราะห์เปรียบเทียบ: สร้างกราฟหรือเอกสารที่เปรียบเทียบเงินเดือนเฉลี่ยในตลาดกับเงินเดือนที่คุณต้องการ รวมถึงทักษะและประสบการณ์ของคุณที่เพิ่มมูลค่า
- กรณีศึกษาสำหรับการเจรจา: เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับความสำเร็จที่คุณเคยทำมา เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหรือการแก้ปัญหาที่สำคัญ
5. พูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม
- เครือข่ายมืออาชีพ: คุยกับคนในอุตสาหกรรมหรือที่ปรึกษาที่สามารถให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเดือนและข้อเสนอที่เหมาะสม
- การประชุมหรือสัมมนา: เข้าร่วมการประชุมหรือสัมมนาที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมเพื่อรับข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน