เมื่อพูดถึงคริปโตเคอร์เรนซี ทุกคนก็น่าจะทราบกันดีถึงความผันผวนของราคาที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ และยังเป็นเรื่องยากในการคาดการณ์อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งผู้ลงทุนรายย่อยและผู้ลงทุนสถาบันก็ต่างเข้ามาเล่นในตลาดคริปโตฯ โดยในปีที่ผ่านมาการเติบโตของมูลค่าตลาดคริปโตฯ สูงถึง 193% ซึ่งหลัก ๆ มาจากผู้ลงทุนสถาบันที่เพิ่มมากขึ้น คริปโตฯ ถูกมองเป็นสินทรัพย์ที่ทำผลกำไรได้รวดเร็ว จึงเกิดเป็นกระแสที่ถูกให้ความสนใจและพูดถึงเป็นอย่างมาก และนั่นก็ส่งผลให้หลาย ๆ ท่านได้เข้าไปลงทุน ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลดีพอก่อนการตัดสินใจลงทุน ซึ่งนักวิเคราะห์ก็ได้มีการเตือนถึงความเสี่ยงสูงของสินทรัพย์ดิจิทัลนี้อยู่เสมอ
หากคุณเป็นผู้ลงทุนมือใหม่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี และอยากเริ่มลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลนี้ บทความนี้จะช่วยคุณประกอบการตัดสินใจได้ดีขึ้น เราจะมาดูถึงสิ่งที่ควรทำก่อนการเริ่มซื้อขายคริปโตฯ รวมไปถึงข้อควรระวังเพื่อการลงทุนที่ปลอดภัยยิ่งขึ้น
1. ศึกษาหาข้อมูลสิ่งที่คุณจะลงทุน
ไม่ว่าคุณจะลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม สิ่งแรกที่คุณควรทำก็คือศึกษาข้อมูลให้เพียงพอ เช่นเดียวกันกับคริปโตฯ ซึ่งปัจจุบันก็มีเหรียญคริปโตฯ กว่า 10,000 เหรียญ และยังมีเหรียญใหม่ ๆ ที่ถูกสร้างขึ้นอยู่ทุกวัน ก่อนที่คุณจะเลือกลงทุนในสักเหรียญ การเข้าใจเรื่องราวของเหรียญ ว่าเกิดมาอย่างไร ทำงานอย่างไร อะไรทำให้เหรียญมีมูลค่าสูงนั้นเป็นสิ่งสำคัญ เพราะการลงทุนต่างมีความเสี่ยง ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถหาได้จาก Whitepaper หรือเอกสารที่ผู้สร้างเหรียญได้รวบรวมข้อมูลของเหรียญไว้นั่นเอง
นอกจากนี้ ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อการขึ้นลงของราคาก็เป็นสิ่งที่ผู้ลงทุนควรรู้ รวมไปถึงศัพท์ต่าง ๆ ในโลกคริปโตฯ และการวิเคราะห์กราฟทางเทคนิค เพื่อมองหาจังหวะการเข้าซื้อและขายออกที่ดีที่สุด
อีกหนึ่งข้อสำคัญ ก็คือการเข้าใจและยอมรับถึงลักษณะความเสี่ยงที่อยู่ในระดับสูงมากจากความผันผวนของตลาด วันนี้คุณอาจได้กำไรมหาศาล แต่วันพรุ่งนี้คุณอาจขาดทุนหนักก็เป็นได้ ดังนั้นคุณต้องถามตัวเองว่าการลงทุนในคริปโตฯ เหมาะกับคุณหรือไม่ และที่สำคัญ ถามตัวเองว่าทำไมคุณถึงเลือกลงทุนในสิ่งนี้ อย่าลงทุนเพียงเพราะการตามกระแส หรือการถูกชักจูง โดยที่คุณยังไม่ได้ศึกษาหาข้อมูลเองเลย
คริปโตเคอร์เรนซี คืออะไร
คริปโตเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) คือ สกุลเงินดิจิทัลที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน โดยจะทำธุรกรรมอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชน (Blockchain) หรือเทคโนโลยีบัญชีแบบกระจายศูนย์ (Decentralized) ไม่สามารถจับต้องได้ และมีการเข้ารหัสเพื่อรักษาความปลอดภัย จึงทำให้ระบบซื้อขายคริปโตฯ โปร่งใส ปลอดภัย และยากต่อการปลอมแปลงข้อมูล
ทั้งนี้ทั้งนั้น คริปโตฯมี 2 ประเภท คือ เหรียญ (Coin) และโทเคน (Token) ที่มักจะถูกเรียกรวม ๆ ว่าเหรียญ โดยความแตกต่างหลักของทั้งสอง คือ เหรียญทำงานอยู่บนเครือข่ายบล็อกเชนของตัวเอง แต่โทเคนไม่จำเป็นต้องมีเครือข่ายบล็อกเชนเป็นของตัวเอง โดยผู้สร้างสามารถเลือกเครือข่ายที่จะสร้างโทเคนเหล่านี้ได้ ผ่านการเขียนสัญญาอัจฉริยะ (Smart Contract) นั่นเอง
ทำไมคริปโตเคอร์เรนซี่ถึงมีความเสี่ยงสูง
ปัจจัยที่กำหนดการขึ้นลงของราคาคริปโตฯ ก็คือ Supply และ Demand การซื้อขายเหรียญในตลาดล้วน ๆ หรือเรียกง่าย ๆ ว่าเป็นการเก็งกำไรนั่นเอง และด้วยความที่คริปโตฯ ไม่ได้มีกฏเกณฑ์ในการควบคุมราคา หรือเรียกได้ว่าไม่มีเพดานราคา และนักลงทุนก็สามารถเทรดกันได้ทั่วโลกตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการปิดของตลาด จึงส่งผลให้มูลค่าเหรียญผันผวนได้ตลอด และมีความเหวี่ยงสูงมาก อีกทั้งยังไม่มีมาตรการระงับการซื้อขายชั่วคราว ในกรณีที่เกิดความผันผวนรุนแรงและกะทันหันในตลาดอีกด้วย นอกจากนี้ คริปโตฯ ก็ไม่ได้ถูกหนุนด้วยสินทรัพย์พื้นฐานหรือกระแสเงินสดของกิจการใด ๆ เหมือนหุ้น เลยทำให้การคาดการณ์ทิศทางการเติบโตของมูลค่านั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก
ด้วยความที่คริปโตฯ มีความผันผวนสูง มูลค่าสามารถเคลื่อนไหวรวดเร็วภายในวัน ๆ นึง อีกหนึ่งอย่างที่ผู้ลงทุนต้องทำ คือการหมั่นติดตามราคาเหรียญอยู่เสมอ และการที่คุณสามารถดำเนินการซื้อขายได้รวดเร็วเมื่อถึงจังหวะที่เห็นควร ไม่ว่าจะเพื่อโอกาสในการทำกำไรที่มากขึ้นหรือเพื่อป้องกันพอร์ตจากการขาดทุนย่อยยับ ก็จะเป็นข้อได้เปรียบของคุณด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่อาจตามมาจากการถือสินทรัพย์ที่ไม่มีความมั่นคง ก็คือการกระทบถึงสุขภาพจิต เช่น ความเครียด ดังนั้นการลงทุนในคริปโตฯ จึงไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคน
2. กลยุทธ์การลงทุนแบบไหนเหมาะกับคุณ
เมื่อคุณตัดสินใจที่จะลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีแล้ว คุณก็ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่าจุดประสงค์ในการลงทุนของคุณคืออะไร ต้องการผลตอบแทนในระดับไหนและระยะเวลาเท่าไหร่ ยอมรับความเสี่ยงได้มากน้อยแค่ไหน แล้วจึงเลือกกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณ ซึ่งก็สามารถแบ่งออกได้หลายประเภท และเราก็ได้รวบรวมมาให้คุณพิจารณาดูดังนี้
- การซื้อขายแบบถลกหนัง (Scalping) – เป็นการเทรดที่เน้นเก็งกำไรในระยะสั้นจากการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของราคา กำไรจากการเทรดแต่ละครั้งจะไม่มาก แต่สามารถทำได้ถี่ในหนึ่งวัน และจะทำการขายทันทีเมื่อราคาตกถึงจุดนึง หรือการทำ Stop Loss นั่นเอง กลยุทธ์นี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลตอบแทนแบบรวดเร็วและแน่นอน และยังต้องมีเวลาคอยจับตามองความเคลื่อนไหวของตลาดอยู่ตลอด นอกจากนี้คุณต้องมีความรู้ทางเทคนิค เข้าใจเครื่องมือที่ใช้วิเคราะห์ชาร์ต เพื่อใช้ในการคาดการณ์ราคา และยังต้องสามารถตัดสินใจได้รวดเร็วอีกด้วย
- การซื้อขายรายวัน (Day Trading) – เป็นการซื้อและขายภายในวันเดียวกัน ทำกำไรจากการผันผวนของราคาระหว่างวัน และเป็นกลยุทธ์ที่คล้ายคลึงกับ Scalping แต่จะมีความแตกต่างตรงจำนวนการเทรด โดยส่วนใหญ่ Day Trading จะเทรดไม่กี่ครั้งต่อวัน เน้นการเก็งกำไรในระยะทางที่กว้างกว่า เพราะผู้ลงทุนจะคำนึงถึงความคุ้มค่าของ Risk/Reward ด้วย
- การซื้อขายแบบสวิง (Swing Trading) – เป็นการเทรดในระยะสั้นถึงระยะกลาง ช่วงเวลามากกว่าหนึ่งวันจนถึงหลายสัปดาห์ เน้นเก็งกำไรในช่วงสวิงของราคาเป็นรอบ ๆ รอบการสวิงจะมีทั้งจุดสูงสุด (Swing Highs) และจุดต่ำสุด (Swing Lows) โดยผู้ลงทุนก็จะเข้าซื้อตอนที่ราคาทำ Swing Lows และขายตอน Swing Highs นั่นเอง กลยุทธ์นี้ต้องอาศัยความรู้ทางเทคนิค และใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ต่าง ๆ เพื่อหาสัญญาณการกลับตัวของแนวโน้ม ผู้ลงทุนสายนี้จะไม่ได้มองหากำไรก้อนใหญ่ และรับได้ถึง Risk/Reward ที่ต่ำ ส่วนข้อดีก็คือมีโอกาสในทำกำไรสูง ได้ผลตอบแทนในระยะที่ค่อนข้างสั้น และยังไม่ต้องมาเฝ้าจอคอมเช็คราคาอยู่ตลอดเวลาอีกด้วย
- การซื้อและถือยาว (HODL) – เป็นการเทรดที่เน้นถือระยะยาว เลยถูกให้ชื่อว่าเป็นกลยุทธ์แบบ “Hold on for dear life” ผู้ลงทุนจะถือนานนับเดือนหรือปี และทำการขายเมื่อมูลค่าถึงจุดที่พึงพอใจ ซึ่งผู้ลงทุนแนวนี้ จะศึกษาข้อมูลพื้นฐานของสินทรัพย์ก่อนลงทุน และเห็นถึงศักยภาพการเติบโตของมูลค่าในระยะยาว ดังนั้นผู้ลงทุนจะไม่ต้องหมั่นจับตาดูกราฟอยู่ตลอดเวลาเหมือนกลยุทธ์อื่น และไม่ได้กังวลใจจากความผันผวนในระยะสั้น กลยุทธ์นี้สามารถทำให้คุณได้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจขาดทุนสูงได้เช่นกัน
3. ลงทุนในระดับที่พอเหมาะ
มาถึงจุดนี้ ทุกคนก็น่าจะตะหนักได้ถึงความเสี่ยงในระดับสูงของคริปโตเคอร์เรนซี คุณอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจํานวน การประเมินความเสี่ยงและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้นั้น จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก อย่าลงทุนไปมากเกินกว่าที่คุณจะยอมสูญเสียได้ และเช่นเดียวกันกับการลงทุนในทุก ๆ สินทรัพย์ การกระจายความเสี่ยงก็เป็นสิ่งที่จำเป็น อย่าทุ่มเงินทั้งหมดไปกับเหรียญ ๆ เดียว มือใหม่ที่จะเริ่มก้าวลงไปในตลาดคริปโตฯ ก็ควรเริ่มจากจำนวนที่พอเหมาะก่อน เมื่อคุณเข้าใจถึงหลักการและจับทิศทางได้ดีขึ้น คุณค่อยเพิ่มสัดส่วนการลงทุน และเริ่มเทรดเหรียญที่หลากหลายมากขึ้นในพอร์ตของคุณ
นอกจากนี้ การเงินของคุณนั้นก็ควรมีความมั่นคง ไม่มีภาระหนี้สินหรือมีในระดับที่จัดการได้ และยังมีเงินพอสำหรับยามฉุกเฉิน เพราะคุณจะไม่สามารถนำเงินออกมาจากการเทรดคริปโตฯ มาใช้ในเวลาที่คุณต้องการได้ หากต้องเผชิญกับช่วงที่ราคาเหรียญร่วงหนัก ดังนั้นเงินที่นำมาลงทุนในคริปโตฯ ควรจะมาจากเงินที่คุณเหลือเก็บจริง ๆ และไม่เป็นภาระแก่ตัวเองและครอบครัว
บทสรุป
เรา PartTimeTH หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้มือใหม่ได้เข้าใจถึงคลิปโตฯ และตลาดสกุลเงินดิจิตอล คลิปโตฯ เป็นอีกทางเลือกในการลงทุน ที่มีการเติบโตสูงมากในปีที่ผ่าน ๆ มา และนับได้ว่าเป็นกระแสที่ทำให้หลายคนพากันมาลงทุน แต่คริปโตฯเป็นเหมือนดาบสองคม ที่สามารถทำผลตอบแทนให้ผู้ลงทุนได้มากมายและรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความเสี่ยงในระดับสูง ผู้ลงทุนทุกท่านจึงควรศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตัวเองก่อนเริ่มก้าวเข้าไปในโลกคริปโตฯ และลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมเท่านั้น แล้วพบกันในบทความถัดไป
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์