จากข้อมูลของ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) พบว่า ข้าราชการสายงานทั่วไปมีจำนวนมากที่สุด คิดเป็น 47% ของข้าราชการทั้งหมด และข้าราชการกลุ่มนี้ ส่วนใหญ่มีอายุใกล้เกษียณอายุ คลังสารสนเทศของสถาบันนิติบัญญัติ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้เปิดเผย 10 อันดับสายงานราชการเกษียณอายุมากที่สุด ในระยะ 10 ปีนี้ (พ.ศ. 2566 – 2575) โดยอ้างอิงข้อมูลจาก กำลังคนภาครัฐ และ สำนักงาน ก.พ. ไว้ตามลำดับดังนี้
สายงานที่จะราชการเกษียณอายุ มากที่สุดในระยะ 10 ปีนี้ คือ
อันดับ 1 เจ้าพนักงานธุรการ จำนวน 4,499 คน
อันดับ 2 เจ้าพนักงานสาธารณสุข จำนวน 2,509 คน
อันดับ 3 เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี จำนวน 2,036 คน
อันดับ 4 นายช่างโยธา จำนวน 1,833 คน
อันดับ 5 เจ้าพนักงานป่าไม้ จำนวน 1,476 คน
อันดับ 6 เจ้าพนักงานสรรพากร จำนวน 1,462 คน
อันดับ 7 เจ้าพนักงานราชทัณฑ์ จำนวน 1,350 คน
อันดับ 8 นายช่างรังวัด จำนวน 1,267 คน
อันดับ 9 เจ้าพนักงานขนส่ง จำนวน 1,213 คน
อันดับ 10 เจ้าพนักงานทันตสาธารณสุข จำนวน 1,008 คน
ผลกระทบของการเกษียณอายุราชการที่มีจำนวนมากจะส่งผลต่อกำลังคนในภาครัฐอย่างมีนัยสำคัญ ด้วยเหตุนี้ หน่วยงานภาครัฐจึงต้องจัดทำแผนการที่เหมาะสมเพื่อรองรับการเกษียณอายุของบุคลากรในอนาคต โดยมุ่งเน้นการจัดการทรัพยากรมนุษย์ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและมีความยืดหยุ่นในการปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในการจัดทำแผนรองรับการเกษียณอายุราชการ หน่วยงานภาครัฐควรพิจารณาปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อการเกษียณอายุของบุคลากร เช่น จำนวนบุคลากรที่กำลังจะเกษียณอายุในอนาคต ความต้องการของหน่วยงานในกำลังคน และความสามารถในการเพิ่มกำลังคนใหม่เข้าสู่ระบบ ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้หน่วยงานสามารถวางแผนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพและเต็มที่
การเกษียณอายุราชการมีผลต่อโอกาสในการเปิดรับสมัครงานราชการอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเปิดรับสมัครเป็นโอกาสที่ดีที่จะนำเข้าบุคลากรใหม่ที่มีความสามารถและประสบการณ์ที่เหมาะสมกับงานต่างๆในหน่วยงาน นอกจากนี้ การเปิดรับสมัครงานยังเป็นโอกาสให้บุคลากรภายในหน่วยงานมีโอกาสสร้างศักยภาพและพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์