การออกแบบพื้นที่ภายในอาคารให้สวยงามและตอบโจทย์การใช้งานนั้น จำเป็นต้องอาศัยความรู้ความชำนาญเฉพาะทาง นี่คืองานของมัณฑนากรหรือนักออกแบบตกแต่งภายใน ซึ่งถือเป็นอาชีพที่ผสมผสานระหว่างศาสตร์และศิลปะเข้าด้วยกัน
หน้าที่หลักของมัณฑนากรหรือนักออกแบบตกแต่งภายใน
หน้าที่หลักของมัณฑนากรคือการออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร โดยคำนึงถึงการใช้งานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการยืน เดิน นั่ง หรือนอน จากนั้นจึงนำองค์ประกอบทางศิลปะ เช่น รูปทรง พื้นผิว วัสดุ แสงสี และลวดลาย มาประกอบเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อสร้างสรรค์ให้เกิดความงามและบรรยากาศที่เหมาะสม รวมถึงสะท้อนตัวตนและรสนิยมของเจ้าของพื้นที่ด้วย
อาชีพมัณฑนากรจึงมีผลต่อการใช้ชีวิตของคนเราเป็นอย่างมาก เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ที่คนใช้เวลาดำเนินชีวิตต้องอาศัยการออกแบบให้เหมาะสมและสวยงาม ตั้งแต่บ้าน สำนักงาน ร้านค้า โรงพยาบาล ฯลฯ หากขาดการจัดวางอย่างดีแล้ว จะส่งผลกระทบต่อการใช้งานและคุณภาพชีวิต
ในประเทศไทย สถาปัตยกรรมภายในถือเป็นวิชาชีพควบคุมอยู่ภายใต้สภาสถาปนิก ซึ่งมีพระราชบัญญัติสถาปนิก พ.ศ. 2543 และกฎกระทรวงว่าด้วยการกำหนดวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุม พ.ศ. 2549 กำหนดคำนิยามไว้ สถาปนิกที่ทำหน้าที่ออกแบบสถาปัตยกรรมภายในสำหรับพื้นที่ภายในอาคารสาธารณะขนาดตั้งแต่ 500 ตารางเมตรขึ้นไป จะต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ นอกจากนี้ยังมีสมาคมวิชาชีพเฉพาะคือ สมาคมมัณฑนากรแห่งประเทศไทย หรือ TIDA ทำหน้าที่กำกับดูแลและส่งเสริมมาตรฐานวิชาชีพด้วย
แม้จะเป็นอาชีพที่อาจดูเฉพาะทาง แต่มัณฑนากรกลับเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญต่อการสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีให้แก่ผู้คน เป็นผู้สร้างสรรค์ความสวยงามควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จึงนับได้ว่าเป็นอาชีพที่น่าสนใจและมีคุณค่าอย่างยิ่ง
การทำงาน
ลักษณะงาน
– ออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในอาคาร ให้สวยงามและตอบโจทย์การใช้งาน
– ต้องคำนึงถึงทั้งด้านประโยชน์ใช้สอย (Function) และความงดงาม
– พิจารณาทุกองค์ประกอบอย่างละเอียด ตั้งแต่หาข้อมูล ออกแบบ จนดำเนินการสร้างจริง
ขั้นตอนการทำงาน
1. รับข้อมูลความต้องการจากลูกค้า
2. วิเคราะห์ข้อมูล สร้างคอนเซ็ปต์และวางแผน
3. ร่างแบบ สร้างแบบจำลอง
4. พัฒนาแบบจนลงตัว
5. ลงรายละเอียดแบบและวัสดุ คำนวณงบประมาณ
6. จัดหาผู้รับเหมา ควบคุมงานจนเสร็จสมบูรณ์
สถานที่ทำงาน
– สำนักงาน เพื่อทำแบบและประสานงาน
– พื้นที่จริงที่จะออกแบบ เพื่อสำรวจ ติดตามงาน
ผู้ที่ต้องทำงานร่วมกัน
– ลูกค้า สถาปนิก วิศวกร นักออกแบบอื่นๆ
– ผู้รับเหมาก่อสร้าง ผู้จัดจำหน่ายวัสดุ
ชีวิตมัณฑนากรหรือนักออกแบบตกแต่งภายใน…เบื้องหลังพื้นที่สวยงาม
ในยุคที่ความงามและการใช้ประโยชน์ทางกายภาพถือเป็นสิ่งสำคัญ อาชีพนักออกแบบตกแต่งภายในจึงมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาคือผู้สร้างสรรค์และผสมผสานทั้งศาสตร์และศิลปะ เพื่อนำพื้นที่ว่างเปล่าให้กลายเป็นสถานที่ที่งดงามและเหมาะสมสำหรับการใช้งานมากที่สุด
ขั้นตอนการทำงานของนักออกแบบภายในนั้นมีความละเอียดอ่อนและซับซ้อน เริ่มต้นจากการรับรู้ความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้ชีวิต รสนิยมทางสุนทรียะ ซึ่งจะต้องสังเกต สอบถาม เพื่อเก็บข้อมูลให้มากที่สุด
จากนั้นจึงนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และสร้างคอนเซ็ปต์ที่เหมาะสม โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งสภาพพื้นที่ ทำเลที่ตั้ง และบริบทโดยรอบ เพื่อนำไปสู่การร่างแบบ สร้างแบบจำลองพื้นที่จริงในแนวคิด ก่อนจะพัฒนาและปรับปรุงจนได้แบบที่ดีที่สุดตามที่ลูกค้ายอมรับ
ขั้นตอนต่อมาคือการลงรายละเอียดของแบบก่อสร้าง ทั้งด้านระบบต่างๆ และการเลือกใช้วัสดุตกแต่ง โดยในส่วนนี้จะมีการประสานงานร่วมกับวิศวกร สถาปนิก ตลอดจนผู้จัดจำหน่ายวัสดุอีกด้วย อีกทั้งยังต้องคำนวณงบประมาณให้แน่นอนก่อนดำเนินการต่อ
และจุดสำคัญคือการควบคุมงานของผู้รับเหมาก่อสร้างจนเสร็จสมบูรณ์ พร้อมติดตามความคืบหน้าอย่างใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่สร้างขึ้นจริงนั้นเป็นไปตามแบบที่ได้คิดค้นและวางแผนไว้แล้วอย่างแท้จริง
สำหรับสถานที่ทำงานของนักออกแบบภายใน ก็จะทำงานที่ออฟฟิศเป็นหลัก สำหรับการเขียนแบบและประสานงาน พร้อมต้องออกสำรวจและติดตามงานจริงในสถานที่ก่อสร้างเป็นระยะด้วย
ในการทำงานจะต้องประสานงานกับบุคคลหลายฝ่าย ทั้งลูกค้าเจ้าของงาน สถาปนิก วิศวกร นักออกแบบอื่นๆ ผู้รับเหมา และผู้จัดจำหน่ายวัสดุต่างๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สุดท้ายออกมาอย่างสมบูรณ์แบบ
นับได้ว่านักออกแบบตกแต่งภายใน คืออาชีพที่ต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์ การผสมผสานศาสตร์และศิลป์เข้าด้วยกัน และต้องพร้อมพิถีพิถันในทุกรายละเอียด เพื่อให้ได้ผลงานออกแบบที่เรียกได้ว่าสวยงามและมีประโยชน์อย่างแท้จริง
ทักษะสำคัญของนักออกแบบตกแต่งภายใน
สำหรับใครที่กำลังมองหาอาชีพที่ท้าทายความคิดสร้างสรรค์ อาชีพนักออกแบบตกแต่งภายในน่าจะเป็นคำตอบที่น่าสนใจ แต่นอกเหนือจากความชอบและความถนัดด้านศิลปะแล้ว ยังมีทักษะหลายประการที่จำเป็นต้องมีควบคู่กันไป
ทักษะแรกที่ต้องมี คือทักษะด้านศิลปะนั่นเอง ความสามารถในการวาดภาพ ประกอบกับความเข้าใจในหลักการองค์ประกอบศิลป์ ถือเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้การออกแบบมีรากฐานที่มั่นคง จนกระทั่งในปัจจุบัน มหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ยังคงใช้ผลงานวาดเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำหรับการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อด้านนี้อยู่
อย่างไรก็ตาม ทักษะด้านศิลปะเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ นักออกแบบตกแต่งภายในยังจำเป็นต้องมีทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาควบคู่กันไปด้วย เนื่องจากงานออกแบบนั้นจะต้องนำข้อมูลความต้องการของผู้ใช้งานมาวิเคราะห์ เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาและสร้างสรรค์ผลงานออกมาให้ตอบโจทย์ได้อย่างดีที่สุด ตั้งแต่การกำหนดพื้นที่ใช้สอยอย่างเหมาะสม ไปจนถึงการจัดองค์ประกอบต่างๆ เช่น รูปทรง วัสดุ แสงสี ให้เข้ากันอย่างกลมกลืนและสวยงาม
นอกจากนี้ ทักษะการสื่อสารและการนำเสนอก็ยังเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับอาชีพนี้ เพราะสุดท้ายแล้ว การออกแบบจะต้องผ่านการนำเสนอและการอธิบายให้ผู้อื่นเข้าใจจึงจะประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อลูกค้าผู้ว่าจ้าง นักออกแบบจะต้องสามารถถ่ายทอดแนวคิดของตนผ่านทางการพูดหรือการนำเสนอ เพื่อสร้างความเข้าใจและชักจูงให้ลูกค้าคล้อยตามวิสัยทัศน์นั้นได้
ในด้านของการถ่ายทอดความคิดนั้น นอกเหนือจากทักษะด้านศิลปะการวาดภาพแล้ว ปัจจุบันนักออกแบบจำเป็นต้องสามารถถ่ายทอดความคิดผ่านทางซอฟต์แวร์และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ได้อีกด้วย เพื่อสร้างแบบจำลองในรูปแบบของภาพสามมิติที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถจินตนาการถึงภาพรวมได้ง่ายยิ่งขึ้น
ไม่เพียงเท่านั้น อาชีพนี้ยังจำเป็นต้องมีทักษะในการประยุกต์ใช้และติดตามความก้าวหน้าของสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัสดุอุปกรณ์ตกแต่ง และเทคโนโลยีการก่อสร้างต่างๆ เนื่องจากการรู้จักคุณสมบัติและลักษณะเฉพาะของวัสดุแต่ละชนิด จะช่วยให้นักออกแบบนำมาประยุกต์ใช้ในงานออกแบบได้อย่างเหมาะสม
และสุดท้ายคือทักษะที่จำเป็นเมื่อออกสู่พื้นที่ปฏิบัติงานจริงนั่นคือ การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เนื่องจากการก่อสร้างจริงนั้นมักประสบปัญหาที่คาดเดาไม่ได้ในขั้นตอนออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาพื้นที่แคบไป วางอุปกรณ์ไม่ได้ หรือเหตุการณ์อื่นๆ ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิด การรู้จักปรับแก้และแก้ปัญหาดังกล่าวให้ได้ผลลัพธ์ที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ จึงเป็นทักษะสำคัญยิ่งอีกประการหนึ่ง
ดังนั้น จะเห็นได้ว่าอาชีพนักออกแบบตกแต่งภายในนั้น ไม่ได้เพียงแค่ต้องการทักษะด้านศิลปะเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องการทักษะด้านอื่นๆ มารองรับอีกมากมาย ตั้งแต่ทักษะการคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหา การสื่อสารและนำเสนอ การถ่ายทอดความคิดผ่านโปรแกรมคอมพิวเตอร์ การประยุกต์ใช้วัสดุและเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในสนามก่อสร้าง
ดังนั้นหากใครต้องการก้าวเข้าสู่อาชีพนี้ นอกจากความสนใจและความถนัดด้านศิลปะแล้ว ยังต้องเตรียมตัวด้วยการฝึกฝนและพัฒนาทักษะต่างๆ เหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน เพื่อให้สามารถออกแบบและสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานนี้
การเป็นนักออกแบบตกแต่งภายในนั้น จึงไม่ใช่แค่อาชีพสำหรับคนที่วาดภาพเก่ง แต่เป็นอาชีพที่ต้องรวมทักษะหลากหลายด้านเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งศิลปะ วิทยาศาสตร์การก่อสร้าง การสื่อสาร และการแก้ไขปัญหา ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้รวมกัน จึงจะส่งผลให้เกิดผลงานออกแบบที่มีทั้งความสวยงามและการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สำหรับใครที่พร้อมรับทั้งความท้าทายและการผสมผสานความสามารถในหลายด้าน อาชีพนักออกแบบตกแต่งภายในจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าดึงดูดและมีเสน่ห์ ที่จะทำให้ได้สัมผัสกับความสำเร็จและความภาคภูมิใจในการสร้างสรรค์ผลงานที่มีคุณค่า
เส้นทางสู่อาชีพ
การศึกษา
- สถาบันของรัฐที่เปิดหลักสูตรในสาขาที่เกี่ยวข้อง
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยศิลปากร
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- มหาวิทยาลัยศรีปทุม
- มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิต
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
- Raffles International College
- สถาบันอาคาเดเมีย อิตาลี สาขากรุงเทพฯ
- สถาบันออกแบบนานาชาติชนาพัฒน์
คำแนะนำสำหรับพัฒนาตนเอง
นักออกแบบภายในที่ดี จะต้องสามารถจินตนาการถึงความเป็นไปได้ในภาพรวม ในขณะเดียวกัน ก็สามารถลงรายละเอียดได้อย่างครบถ้วน รอบด้าน เพิ่มเติมความรู้ทั้งด้านศาสตร์และศิลป์อยู่เสมอ หมั่นสังเกตและตั้งคำถามถึงสิ่งที่อยู่รอบตัว ลองสอบถามจากรุ่นพี่ทั้งที่เป็นนักศึกษา และคนทำงาน ว่าเขาต้องรู้อะไรบ้าง หรืออ่านจากหนังสือ ที่สำคัญ ต้องตั้งใจจริง กระตือรือร้น มีวินัย เพื่อให้ตัวเองพร้อมสำหรับการเป็นนักออกแบบอย่างที่ใจต้องการ
Hard Skill
- ทำความเข้าใจการอ่านแปลน รูปด้าน รูปตัด
- ฝึกวาดรูปตั้งแต่พื้นฐานจนถึงการเขียน Perspective
- เข้าใจทฤษฎีสี และฝึกการจับคู่สี การวาง Theme
- พัฒนารสนิยมทางด้านศิลปะ
- เข้าใจลักษณะของธรรมชาติที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิต เช่น แดด ลม ฝน การไหลเวียนอากาศ
- ศึกษาทำความเข้าใจพฤติกรรมมนุษย์ และ Human scale
- รู้จักวัสดุต่างๆ การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ คุณสมบัติเฉพาะของสิ่งต่างๆ
- เรียนรู้การใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อเขียนแบบและทำภาพสามมิติ
- ฝึกทำโมเดลจำลอง เข้าใจสัดส่วนลดทอน (Scale) ต่างๆ
- ฝึกการจินตนาการ มองภาพรวม
- ศึกษาด้านจิตวิทยา สิ่งต่างๆ ที่มีผลต่อจิตใจของมนุษย์
Soft Skill
- พัฒนาทักษะการสื่อสาร การพูด Presentation
- ทดลองสังเกตพฤติกรรมต่างๆ ของคน ว่ามีปฏิสัมพันธ์กับพื้นที่อย่างไร
- เป็นผู้ฟังที่ดี เข้าใจไปถึงสิ่งที่แม้ผู้พูดจะไม่ได้พูดออกมา โดยเฉพาะลูกค้า
- เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีต่อทีม
- ให้เกียรติความคิดของคนอื่น และนำเสนอความคิดของตัวเองอย่างมีศิลปะ
- สร้างทัศนะคติที่ดีต่อสิ่งต่างๆ มองปัญหาว่าเป็นเรื่องท้าทาย
- กิจกรรมต่างๆ
- อ่านหนังสือและเว็บงานออกแบบ หมั่นดู เก็บไอเดียเป็นคลังไว้
- เดินดูสถานที่ วิเคราะห์ คาดเดา ว่านักออกแบบคิดอย่างไรต่องานนั้น
- ชมนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์
- หาโอกาสท่องเที่ยวต่างประเทศ
- อัพเดทข้อมูลจากงานแสดงสินค้า ของแต่งบ้าน งานสถาปนิก
- การทำอย่างอื่นที่อาจจะดูไม่เกี่ยวข้องกับสายงานโดยตรง เช่น ออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ อ่านนิยาย ฟังบรรยาย ก็สามารถเติมมุมมองใหม่ๆ ที่จะช่วยทำให้งานออกแบบมีมิติมากขึ้น
นี่คือการเรียบเรียงบทความทั่งหมดเกี่ยวกับเส้นทางสู่อาชีพมัณฑนากรหรือนักออกแบบตกแต่งภายใน
โอกาสในการเปิดมุมมองใหม่กับ PartTimeTH จะพาคุณสำรวจอาชีพเสริมและแหล่งรายได้ที่หลายคนอาจมองข้ามแล้วพบกันในบทความถัดไป ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์