บทความนี้จะพาไปสำรวจเทรนด์ของสะสมและโอกาสในการทำธุรกิจของสะสม ในยุคที่ของสะสมกำลังกลับมาได้รับความนิยมสูงอีกครั้ง โดยจะมาเจาะลึกให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการเริ่มต้นและปัจจัยที่จะทำให้ประสบความสำเร็จ รวมถึงแนวโน้มของตลาดในอนาคต
ตลาดของสะสมในปัจจุบัน
ปี 2024 ถือเป็นปีที่พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าตลาดของสะสมทั่วโลกมีการเติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ รวมถึงปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้า ไม่ว่าจะเป็น ภัยธรรมชาติ สงคราม และโควิด-19 แต่เหล่านักสะสมและผู้ที่ชื่นชอบของเก่ากลับให้ความสนใจในตลาดนี้มากขึ้น หลายคนมองว่าเป็นการลงทุนในรูปแบบใหม่ ที่ไม่เพียงแต่เก็บไว้ชื่นชม แต่ยังสามารถขายต่อเพื่อทำกำไรได้ในอนาคต
The Wealth Report 2022 จัดทำโดย Knight Frank บริษัทให้คำปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก เผยข้อมูลว่ามีของสะสม 10 ประเภทที่มีอัตราการเติบโตสูงมากในปี 2021 เมื่อเทียบกับปี 2020 โดยไวน์และนาฬิกานำเป็นอันดับต้นๆ ด้วยอัตราการเติบโต 16% (จาก 11% และ 5% ในปีก่อนหน้า ตามลำดับ) นอกจากนี้ วิสกี้หายาก เหรียญโบราณ และเฟอร์นิเจอร์ ก็เติบโตดีเช่นกัน
นาฬิกาแบรนด์ดังจากสวิตเซอร์แลนด์อย่าง Rolex, Omega, Audemars Piguet ฯลฯ เป็นที่ต้องการทั้งในตลาดมือหนึ่งและมือสอง และแน่นอนว่าของสะสมเหล่านี้ไม่ได้มีราคาถูกเลย โดยเฉพาะรุ่นลิมิเต็ดอิดิชั่น และรุ่นที่ผลิตน้อย มีคนยอมควักเงินเป็นล้านเพื่อให้ได้ครอบครองเป็นเจ้าของ
ข้อมูลเชิงลึกจาก eBay แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดังของโลก พบว่าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทย มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ มีสินค้าประเภทของสะสมที่ขายดีมากในปี 2022 มีทั้งนาฬิกามือสอง การ์ดเกมหายาก อะไหล่ชิ้นส่วนรถยนต์ เฟอร์นิเจอร์วินเทจ รวมถึงเพชรพลอยและเครื่องประดับ
โดยร้านค้าจากประเทศเหล่านี้มียอดส่งออกเติบโตขึ้นมาก เช่น มาเลเซียมียอดขายนาฬิกามือสองไปยังสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 62% ในขณะที่การ์ดเทรดดิ้งก็ได้รับความนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ ที่นำมันมาซื้อขายเก็งกำไรมากขึ้น ไม่ได้เป็นแค่งานอดิเรกอย่างในอดีต
เทคนิคและทิปส์ในการเริ่มต้นธุรกิจของสะสม
เมื่อเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดของสะสมแบบนี้แล้ว หลายคนอาจคิดอยากลองเข้ามาลงทุนบ้าง แต่การทำธุรกิจอะไรก็ตามย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ดังนั้นก่อนอื่นต้องเตรียมพร้อม วางแผน และทำการบ้านให้ดีก่อน
1. เลือกสินค้าที่ตัวเองมีความรู้และสนใจจริงๆ
การทำธุรกิจประเภทนี้ คุณต้องมีความเชี่ยวชาญในสินค้าที่ตัวเองขายพอสมควร เช่น สามารถแยกแยะของแท้ ของเก๊ ศึกษาประวัติความเป็นมา จุดเด่นจุดด้อย รู้ลึกรู้จริง จะได้แนะนำลูกค้าได้ถูกต้อง อัพเดทข่าวสารใหม่ๆ อยู่เสมอ และต้องมีใจรักในงานนี้ด้วย เพราะอาจต้องใช้เวลาสะสมสินค้าไปพร้อมๆกัน กว่าจะขายได้อาจนานเป็นปีก็มี
2. มองหากลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้ชัดเจน
ของสะสมแต่ละชนิดย่อมตอบโจทย์กลุ่มคนที่แตกต่างกัน เช่น การ์ดเกมอาจเหมาะกับเด็กวัยรุ่นหรือวัยทำงาน ส่วนนาฬิกาหรูอาจตรงใจคนทำงานระดับผู้บริหารมากกว่า เป็นต้น ถ้ารู้ว่ากลุ่มเป้าหมายหลักเป็นใครก็จะวางแผนการตลาดได้ตรงจุด เข้าถึงได้ง่าย สื่อสารภาษาเดียวกัน
3. ศึกษาตลาดและคู่แข่ง
ถึงจะเป็นตลาดที่ยังเติบโตได้อีกมาก แต่ก็มีคนเล็งเห็นโอกาสและแข่งขันสูงมากเช่นกัน วิเคราะห์ดูว่าแต่ละที่เขามีจุดแข็งจุดอ่อนตรงไหน เรามีอะไรที่แตกต่างหรือเหนือกว่า ใช้กลยุทธ์อะไร ขายผ่านช่องทางไหน ไม่จำเป็นต้องลอกเลียนแบบ แต่เอามาปรับใช้ให้เข้ากับธุรกิจตัวเอง
4. เตรียมเงินทุนให้พร้อม
สิ่งสำคัญคือเงินทุนในการจัดหาของสะสมมาขาย ซึ่งไม่ใช่ต้องลงทุนทีละมากๆ อาจค่อยๆ ซื้อทีละน้อยมาสต็อกไว้ก่อน พอมีทุนเพิ่มค่อยซื้อเข้ามาอีก ควรแบ่งสัดส่วนของทุนให้ดี อย่าใช้หมดไปกับการซื้อของอย่างเดียว ต้องเหลือไว้บริหารจัดการด้านอื่นๆ ด้วย และหมั่นทำบัญชีรายรับรายจ่ายไปด้วย จะได้วางแผนง่าย
5. หาแหล่งขายและทำการตลาด
ในยุคนี้การขายของออนไลน์เป็นเรื่องง่ายมาก สามารถใช้โซเชียลมีเดียและแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซได้เลย แต่ก็ไม่ควรละเลยการขายแบบออฟไลน์ตามงานอีเวนท์หรือตลาดนัดต่างๆ เพราะเป็นการเจอลูกค้าตรง จับต้องสินค้าได้ สร้างความน่าเชื่อถือ จะขายแบบไหนอยู่ที่กลุ่มลูกค้าด้วย
เมื่อมีสินค้าแล้วก็ต้องเริ่มทำการตลาด สร้างแบรนด์ของตัวเองขึ้นมา ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียให้เต็มที่ ลองทำคอนเทนต์ให้ความรู้เกี่ยวกับของสะสม พูดคุยกับลูกค้า รีวิวสินค้า ฯลฯ เพิ่มยอดผู้ติดตาม หาลูกค้าใหม่ได้เรื่อยๆ ส่วนลูกค้าเก่าก็ต้องรักษาไว้ด้วยการบริการที่ดี จัดโปรโมชั่น มีของแถม เอาใจใส่ทุกคนอย่างเท่าเทียม
6. ขยายช่องทางขายให้หลากหลาย
ธุรกิจที่ดีต้องปรับตัวตามเทรนด์ตลาดอยู่เสมอ ควรเปิดช่องทางการขายหลายที่ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ในไทยอาจเน้นไปที่ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ส่วนต่างประเทศอาจใช้เว็บไซต์ขายสินค้าชื่อดังอย่าง อเมซอน อีเบย์ เอ็ตซี่ นอกจากนี้ การเปิดหน้าร้านถาวรก็เป็นอีกทางที่น่าสนใจ เป็นการยกระดับแบรนด์ และสร้างฐานลูกค้าระยะยาว
7. พัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง
สุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาตัวเองไม่ให้หยุดนิ่ง ทั้งในแง่ความรู้เรื่องของสะสม กลยุทธ์ทางธุรกิจ และเทคโนโลยีใหม่ๆ โลกของสะสมก็เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนรุ่นใหม่ก็เข้ามาเล่นเยอะ อย่าคิดว่ามีประสบการณ์เยอะแล้ว ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ตลอด และนำมาปรับปรุงคุณภาพสินค้าและบริการ จะได้แข่งขันกับคนอื่นได้
สรุปบทความ
ธุรกิจของสะสมกำลังกลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งในปี 2024 และมีแนวโน้มเติบโตสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา จากรายงานของ The Wealth Report 2022 พบว่ามีอัตราการเติบโตของการซื้อขายของสะสมหลายประเภทสูงขึ้นอย่างมาก เช่น ไวน์ นาฬิกา งานศิลปะ วิสกี้หายาก เหรียญโบราณ ฯลฯ โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีสินค้ายอดฮิตส่งออกไปทั่วโลก เช่น นาฬิกามือสอง และการ์ดเกมสะสมหายาก
สำหรับผู้ที่สนใจอยากทำธุรกิจของสะสม แนะนำให้เริ่มต้นจากการเตรียมความพร้อมให้มากที่สุด ทั้งในแง่ความรู้ในตัวสินค้า การวางแผนการตลาด การหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเงินทุน ควรเลือกขายสิ่งที่ตัวเองรักและเชี่ยวชาญจริงๆ อย่าลืมศึกษาคู่แข่ง สร้างแบรนด์ส่วนตัว ทำคอนเทนต์ดีๆบนโซเชียล ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชื่อดัง และขยายช่องทางขายให้หลากหลาย สุดท้ายต้องพัฒนาตัวเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อปรับตัวให้ทันกับเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
โอกาสในการเปิดมุมมองใหม่กับ PartTimeTH จะพาคุณสำรวจอาชีพมหัศจรรย์ที่หลายคนอาจมองข้ามแล้วพบกันในบทความถัดไป ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์