7 เทคนิคปลุกพลัง สร้างไฟในการทำงาน
1. เปิดไฟให้สว่างทันทีที่ตื่นนอน
การเปิดไฟให้สว่างทันทีที่ตื่นนอนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการช่วยให้เราตื่นตัวและลดความง่วงงุน การใช้แสงสว่างเป็นสัญญาณให้ร่างกายรู้ว่าเป็นเวลาตื่นนอนนั้นมีความสัมพันธ์กับนาฬิกาชีวภาพของเรา นาฬิกาชีวภาพทำหน้าที่ควบคุมวงจรการนอนและตื่นของร่างกาย ซึ่งจะปรับตัวตามแสงและความมืดในแต่ละวัน
เมื่อเราตื่นนอน การเปิดไฟในห้องหรือการเปิดผ้าม่านเพื่อรับแสงอาทิตย์จะช่วยกระตุ้นการผลิตฮอร์โมนที่ทำให้เรารู้สึกตื่นตัว และยับยั้งการผลิตเมลาโทนินซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ทำให้เราง่วง ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและพร้อมเริ่มต้นวันใหม่
การไม่ตั้งนาฬิกาปลุกซ้ำหลายครั้งก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะการนอนต่อหลังจากเสียงนาฬิกาปลุกครั้งแรกจะทำให้เราเข้าสู่ช่วงการนอนหลับที่ตื้นขึ้น ซึ่งอาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้ามากขึ้นเมื่อเราตื่นนอนในที่สุด
ดังนั้น การปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยให้เรามีสุขภาพการนอนที่ดีขึ้นและทำให้เรารู้สึกสดชื่นเมื่อตื่นนอนในทุกๆ วัน
2. ออกกำลังกายในตอนเช้า
การออกกำลังกายในตอนเช้าเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์อย่างมากต่อร่างกายและจิตใจของเรา โดยเฉพาะการออกกำลังกายที่ทำให้เหงื่อออก ซึ่งมีข้อดีหลายประการที่ช่วยเสริมสร้างสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี ดังนี้
- กระตุ้นระบบหัวใจและหลอดเลือด: การออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและการทำงานของหัวใจ ทำให้เลือดสามารถนำพาออกซิเจนและสารอาหารไปยังส่วนต่างๆ ของร่างกายได้ดีขึ้น
- เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอช่วยเพิ่มการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคและป้องกันการติดเชื้อต่างๆ ได้ดีขึ้น
- เพิ่มประสิทธิภาพระบบทางเดินหายใจ: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มความสามารถในการหายใจและการแลกเปลี่ยนออกซิเจนในปอด ทำให้เราหายใจได้สะดวกและมีพลังงานเพิ่มขึ้น
- กระตุ้นการทำงานของสมอง: การออกกำลังกายช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมอง ทำให้สมองทำงานได้ดีขึ้น ส่งผลให้ความคิดปลอดโปร่ง มีสมาธิ และพร้อมรับมือกับภารกิจต่างๆ ในแต่ละวัน
- ปรับปรุงอารมณ์และลดความเครียด: การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการผลิตสารเอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความรู้สึกดี ทำให้เรารู้สึกสดชื่นและมีความสุขมากขึ้น
- สร้างพลังงานและความกระฉับกระเฉง: การออกกำลังกายในตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายและจิตใจของเราตื่นตัว พร้อมรับมือกับงานและกิจกรรมต่างๆ ในวันนั้นอย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การเริ่มต้นวันใหม่ด้วยการออกกำลังกายตอนเช้าไม่เพียงแต่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่ยังส่งผลดีต่อจิตใจและการดำเนินชีวิตประจำวันอีกด้วย การออกกำลังกายเป็นกิจกรรมที่เราควรทำอย่างสม่ำเสมอเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว
3. ลุกมารับประทานอาหารเช้า
การรับประทานอาหารเช้าเป็นสิ่งสำคัญที่มีผลต่อสุขภาพของเรามาก เป็นเหตุผลหนึ่งที่ควรให้ความสำคัญกับการเติมพลังงานและสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เพื่อให้มีพลังและสมรรถภาพที่ดีในช่วงเช้าและตลอดวันนั้นๆ การมีมื้ออาหารเช้าที่มีสารอาหารครบถ้วนช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดีขึ้น ลดความเหนื่อยล้า และช่วยส่งเสริมสุขภาพหัวใจและสมองด้วย
การเริ่มวันด้วยมื้ออาหารเช้าที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เช่น ข้าวเกรียบ, ไข่, ผลไม้, และเครื่องดื่มที่มีสารอาหาร เช่น น้ำมะพร้าวหรือน้ำผลไม้จะช่วยให้เรามีพลังและความกระปรี้นใจที่จะเริ่มวันได้ดีขึ้นเช่นกัน
4. สร้างแรงจูงใจในการทำงาน
การสร้างแรงจูงใจในการทำงานสามารถทำได้โดยหลากหลายวิธี การมองว่างานเป็นที่ท้าทายเป็นหนึ่งในวิธีที่ดีเพื่อสร้างแรงจูงใจในตัวเรา เพราะการท้าทายมักจะทำให้เรารู้สึกเต็มไปด้วยความสำเร็จเมื่อเราทำสำเร็จในงานที่ยากลำบาก นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่น ๆ ที่สามารถช่วยเสริมแรงจูงใจในการทำงานได้ดังนี้
- กำหนดเป้าหมายที่เหมาะสม: การกำหนดเป้าหมายที่เป็นไปได้และมีความท้าทายที่เหมาะสมสามารถช่วยให้เรามุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่เพื่อให้บรรลุผลลัพธ์ที่ต้องการ
- เลือกงานที่ท้าทาย: การทำงานที่น่าสนใจและท้าทายมักจะทำให้เรารู้สึกมีความกระตือรือร้นมากขึ้นในการทำงาน
- ทำงานร่วมกับผู้คนที่มีความกระตือรือร้น: การทำงานร่วมกับผู้คนที่มีแรงจูงใจและความกระตือรือร้นในงานที่เหมือนกันสามารถสร้างพลังบวกและแรงจูงใจให้กันและกัน
- ท้าทายตัวเอง: การตั้งเป้าหมายและท้าทายตัวเองในการพัฒนาทักษะหรือการทำงานที่ยากๆ สามารถช่วยเราเติบโตและพัฒนาตนเองได้
- เชื่อในความสำเร็จของตนเอง: การเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองและความสามารถในการทำงานที่ยากสามารถเป็นแรงจูงใจที่สำคัญในการทำงาน
- รางวัลและการยกย่อง: การรับรางวัลหรือการรับการยกย่องจากผู้บริหารหรือเพื่อนร่วมงานสามารถเป็นแรงจูงใจในการทำงานได้
การใช้เทคนิคเหล่านี้ร่วมกับการมองงานเป็นที่ท้าทายที่เราสามารถทำได้ จะช่วยสร้างแรงจูงใจในการทำงานและเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการดำเนินงานของเราได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
5. ตั้งเป้าหมายในแต่ละวัน
การตั้งเป้าหมายเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้เรามีแรงผลักดันในชีวิต เป้าหมายช่วยให้เรามีทิศทางและแผนการที่ชัดเจนในการดำเนินชีวิต เมื่อคุณตั้งเป้าหมายให้ตนเอง มันจะช่วยให้คุณมีแรงจูงใจในการทำงานหรือการปฏิบัติตามแผนของคุณ ประเด็นสำคัญที่จะพิจารณาเมื่อตั้งเป้าหมายคือ
- ชัดเจนและเป็นประโยชน์: เป้าหมายควรจะชัดเจนและมีความเป็นประโยชน์ เช่น “ฉันต้องการลดน้ำหนัก 10 กิโลกรัมในระยะเวลา 6 เดือน” เปรียบเทียบกับ “ฉันต้องการลดน้ำหนัก”
- ที่ตั้งเป้าหมายที่เหมาะสม: เป้าหมายควรที่จะตรงกับความสามารถและความเชี่ยวชาญของคุณ และสอดคล้องกับค่านิยมและความต้องการของคุณ
- มีวิธีวัดและการติดตาม: การมีวิธีการวัดความสำเร็จและการติดตามความก้าวหน้าจะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณก้าวหน้าไปทางที่ถูกต้องหรือไม่ และสามารถปรับเปลี่ยนแผนการได้ตามความเหมาะสม
- ยืนยันเป้าหมาย: การยืนยันเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณรักษาความมุ่งมั่นและความตั้งใจในการดำเนินการ
- สร้างแผนการ: การสร้างแผนการเป็นขั้นตอนการกระทำที่ชัดเจนและเป็นเกณฑ์วัดสำหรับการทำงานที่ต้องทำเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมาย
- ระยะเวลาที่ระบุไว้: การกำหนดระยะเวลาที่ระบุไว้สามารถช่วยให้คุณมีความสามารถในการกำหนดว่าคุณควรทำอะไรและเมื่อใด
การตั้งเป้าหมายที่ดีจะเป็นแรงผลักดันที่ดีในการดำเนินชีวิตของคุณและช่วยให้คุณพัฒนาตัวเองในทุกๆ ด้านที่คุณต้องการ
6. เริ่มต้นวันด้วยงานที่ต้องใช้ความคิดเยอะ ๆ
การเริ่มต้นวันด้วยงานที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์หรือความคิดมากๆ จริงๆ ก็เป็นวิธีที่ดีเพื่อให้สมองของเรามีพลังและความกระตือรือร้นตลอดวัน เริ่มต้นด้วยงานที่น่าสนใจและท้าทายจะช่วยให้คุณรู้สึกกระตือรือร้นและมีแรงจูงใจในการทำงานต่อไป
แต่หากมีงานที่น่าเบื่อที่ต้องทำในตอนเช้าก็อาจจะลองมองในแง่ดีของมันบ้าง เช่น การทำงานที่น่าเบื่ออาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะฝึกให้ความระมัดระวังและการจัดการเวลา เพียงแค่คุณสามารถมองหาคุณค่าและประโยชน์จากงานที่น่าเบื่อนั้น อาจจะช่วยให้คุณรู้สึกไม่เบื่อหน่ายมากขึ้น และยังช่วยให้คุณเรียนรู้การจัดการกับความเบื่อและความไม่สนใจให้ดียิ่งขึ้นด้วย
สำหรับคนที่ต้องทำงานที่น่าเบื่อในตอนเช้า การสร้างช่วงเวลาเล็กๆ ในการทำงานที่น่าสนใจระหว่างนั้นอาจเป็นวิธีที่ดีในการรักษาสมดุลระหว่างงานที่ต้องทำและความสนใจของคุณ อาจจะทำงานที่น่าเบื่อไปเรื่อยๆ กับการเล่นดนตรีหรือการอ่านหนังสือที่คุณชื่นชอบเป็นต้น โดยทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณไม่รู้สึกเบื่อหน่ายและมีพลังในการทำงานต่อไปได้มากขึ้น โดยรวมแล้ว การทำงานที่สำคัญในตอนเช้าของวันมักจะมีผลกระทบที่ดีต่อประสิทธิภาพของการทำงานของเราในทั้งวัน
7. จัดการเวลาเข้านอนให้ดี
การจัดการเวลาเข้านอนให้ดีเป็นกระบวนการที่สำคัญเพื่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของท่าน นอนเพียงพอและตรงเวลาจะช่วยให้ร่างกายและจิตใจของท่านมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการทำงานและชีวิตประจำวันด้วยเช่นกัน
นี่คือบางเคล็ดลับที่อาจช่วยให้ท่านสามารถจัดการเวลาเข้านอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ตั้งเวลาเข้านอนและตื่นไว้ในทุก ๆ วัน: พยายามที่จะเข้านอนและตื่นในเวลาเดียวกันทุกวัน การรักษาระบบชั่วโมงหลับเป็นอย่างดีจะช่วยเสถียรภาพระบบหลายอย่างในร่างกายของท่าน
- สร้างสภาวะเหมาะสมสำหรับการนอน: จัดหาสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับการนอน ซึ่งอาจรวมถึงการใช้ม่านหรือโคมไฟที่มีแสงน้อยในห้องนอนและการรักษาอุณหภูมิและความชื้นในระดับที่สมบูรณ์
- หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจทำให้คุณไม่สามารถนอนหลับได้: ลดการบริโภคกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีสารสร้างสรรค์และคาเฟอีนในช่วงเย็น และหลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนการนอน
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ: หลีกเลี่ยงการทำงานหนักหรือกิจกรรมที่เครียดในช่วงเวลาใกล้เข้าสู่การนอน พยายามสร้างเวลาสำหรับการผ่อนคลายก่อนการเข้านอน
- ปรับเปลี่ยนนิสัยการนอน: การนอนในเวลาเดียวกันทุกวันจะช่วยสร้างนิสัยการนอนที่ดีขึ้น ลองสร้างกิจกรรมหรือสิ่งที่ช่วยให้ร่างกายและสมองของคุณเตรียมตัวสำหรับการนอนในเวลาที่เหมาะสม
การจัดการเวลาเข้านอนอาจไม่ง่ายเหมือนที่คิด แต่มันเป็นสิ่งที่สำคัญต่อสุขภาพและความรู้สึกของเราในแต่ละวัน ด้วยการปฏิบัติตามเคล็ดลับเหล่านี้และการทดลองหาวิธีที่เหมาะสมสำหรับคุณเอง คุณจะพบว่าการนอนหลับและความรู้สึกของคุณในตอนเช้ามีการปรับปรุงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ