เว็บไซต์หางาน Part Time และประกาศรับสมัครงานทุกประเภท

สาเหตุของการลาออก ของพนักงานส่วนใหญ่ เกิดจากอะไร ?

สาเหตุของการลาออก ของพนักงานส่วนใหญ่ เกิดจากอะไร ?
การลาออก ถือเป็นปัญหาใหญ่สำหรับบริษัทที่กำลังเดินหน้าธุรกิจ ที่อาจไม่เคยรู้เรื่องของพนักงานเลยว่า สาเหตุของการลาออก นั้นเกิดมาจากปัญหาอะไรหรือพนักงานมีความต้องการอย่างไร ? เพื่อให้เป็นการเข้าใจทั้งสองฝ่ายจากทางบริษัทและพนักงาน ไปรับชมสาเหตุของการลาออกพร้อมกันกับ PartTimeTH ได้เลย

สาเหตุของการลาออก เกิดจากอะไรได้บ้าง ?

สาเหตุของการลาออกของพนักงานจากบริษัทนั้นมักเป็นผลมาจากหลายปัจจัย ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองมิติหลักที่เชื่อมโยงกัน คือ เรื่องของการเงินและความท้าทาย เรามาลองพิจารณาสาเหตุในแต่ละมิติดังนี้

1. ลาออกเพราะมีปัญหากับหัวหน้างาน

การลาออกเพราะมีปัญหากับหัวหน้างานเป็นสาเหตุที่พบบ่อยและมีผลกระทบอย่างมากต่อองค์กร ความขัดแย้งนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งจากเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว ซึ่งสามารถทำให้พนักงานรู้สึกไม่สามารถร่วมงานกันต่อไปได้ จึงต้องตัดสินใจลาออก สิ่งนี้เป็นเรื่องที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) ควรระมัดระวังและให้ความสำคัญในการดำเนินการ Exit Interview เพื่อเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ปัญหาอย่างละเอียด

ปัญหาที่มักพบกับหัวหน้างาน

1. การสื่อสารที่ไม่ดี

การขาดการสื่อสารที่ชัดเจนหรือการสื่อสารที่ไม่เหมาะสมจากหัวหน้างานสามารถทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความไม่พอใจ

2. การบริหารจัดการที่ไม่เป็นธรรม

หากพนักงานรู้สึกว่าหัวหน้างานไม่บริหารจัดการอย่างเป็นธรรม เช่น การให้โอกาสหรือการประเมินผลงานที่ไม่ยุติธรรม ก็อาจทำให้พนักงานรู้สึกไม่พอใจ

3. การขาดการสนับสนุน

หัวหน้างานที่ไม่ให้การสนับสนุนหรือไม่ชี้แนะแนวทางในการทำงาน ทำให้พนักงานรู้สึกโดดเดี่ยวและขาดแรงจูงใจในการทำงาน

4. ความขัดแย้งทางบุคลิกภาพ

ความแตกต่างทางบุคลิกภาพหรือค่านิยมระหว่างพนักงานและหัวหน้างานสามารถทำให้เกิดความขัดแย้งและความไม่ลงรอย

การทำ Exit Interview อย่างมีประสิทธิภาพ

1. สร้างบรรยากาศที่เป็นมิตร

การทำ Exit Interview ควรสร้างบรรยากาศที่เป็นมิตรและเปิดใจ เพื่อให้พนักงานรู้สึกสบายใจในการพูดคุยและแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมา

2. การตั้งคำถามที่เปิดกว้าง

ตั้งคำถามที่เปิดกว้างและไม่ชี้นำ เพื่อให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ เช่น “คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับการทำงานร่วมกับหัวหน้างานของคุณ?”

3. การฟังอย่างตั้งใจ

ฟังความคิดเห็นของพนักงานอย่างตั้งใจและไม่ขัดจังหวะ เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าความคิดเห็นของเขาถูกรับฟังและมีความสำคัญ

4. การตรวจสอบข้อมูล

หลังจากการสัมภาษณ์ ควรตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับจากหลายๆ แหล่ง เพื่อให้ได้ภาพรวมที่ชัดเจนและไม่ยึดติดกับความเห็นของพนักงานคนเดียว

5. การวิเคราะห์และดำเนินการแก้ไข

วิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับอย่างเป็นระบบและดำเนินการแก้ไขปัญหาที่พบ เช่น การฝึกอบรมหัวหน้างานในด้านการสื่อสารหรือการบริหารจัดการ

การจัดการกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างพนักงานและหัวหน้างานไม่เพียงแต่ช่วยลดการลาออกของพนักงาน แต่ยังช่วยสร้างบรรยากาศการทำงานที่ดี และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานในองค์กรด้วย

ลาออกเพราะมีปัญหากับหัวหน้างาน

2. ต้องการไปทำธุรกิจของตัวเอง

พนักงานที่ลาออกเพราะต้องการไปเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองเป็นกลุ่มที่มีเป้าหมายชัดเจนและมีความตั้งใจในการดำเนินชีวิตอย่างชัดเจน การจัดการกับพนักงานกลุ่มนี้ต้องมีความเข้าใจและยอมรับในเป้าหมายของพวกเขา การสนับสนุนและสร้างบรรยากาศที่เป็นบวกในการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้พวกเขามีความสุขและมีประสบการณ์ที่ดีในองค์กรระหว่างที่ยังทำงานอยู่

การจัดการกับพนักงานที่ต้องการลาออกไปทำธุรกิจของตัวเอง

1. ยอมรับและสนับสนุน

การยอมรับในเป้าหมายของพนักงานและสนับสนุนพวกเขาในการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำธุรกิจของตนเอง จะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและเพิ่มความผูกพันในช่วงเวลาที่พวกเขายังอยู่ในองค์กร

2. สร้างโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนา

การให้โอกาสพนักงานในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น การจัดการทางการเงิน การตลาด หรือการบริหารทรัพยากรมนุษย์ จะช่วยให้พวกเขาเตรียมตัวได้ดีขึ้นสำหรับการเป็นเจ้าของธุรกิจในอนาคต

3. สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความเป็นผู้ประกอบการ

การสร้างวัฒนธรรมที่สนับสนุนการคิดอย่างผู้ประกอบการ เช่น การสนับสนุนให้พนักงานมีความคิดสร้างสรรค์และกล้าเสี่ยง จะช่วยเพิ่มความผูกพันและสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

4. การสนับสนุนในช่วงการเปลี่ยนผ่าน

เมื่อพนักงานตัดสินใจลาออกเพื่อไปทำธุรกิจของตัวเอง การให้การสนับสนุนในช่วงการเปลี่ยนผ่าน เช่น การให้คำปรึกษา การช่วยเหลือในการเตรียมตัว หรือการเชื่อมโยงกับเครือข่ายธุรกิจ จะช่วยให้พวกเขามีความมั่นใจและพร้อมมากขึ้น

การวิเคราะห์ข้อมูลและการจัดการทรัพยากรมนุษย์

1. การทำ Exit Interview

การทำ Exit Interview กับพนักงานกลุ่มนี้เป็นโอกาสที่จะได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประสบการณ์ที่พวกเขาได้รับในองค์กรและความรู้สึกที่มีต่อองค์กร ข้อมูลนี้สามารถนำมาใช้ในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการทำงานและการจัดการทรัพยากรมนุษย์

2. การวิเคราะห์แนวโน้มและปรับปรุงนโยบาย

การวิเคราะห์ข้อมูลจาก Exit Interview และการติดตามแนวโน้มการลาออกของพนักงาน จะช่วยให้ HR และผู้บริหารสามารถปรับปรุงนโยบายและกลยุทธ์ในการรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูงได้ดียิ่งขึ้น

3. การสร้างเส้นทางการเติบโตในองค์กร

การเสนอเส้นทางการเติบโตในองค์กรที่ชัดเจนและท้าทาย สามารถช่วยดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพสูงไว้ได้ นอกจากนี้ยังสามารถเสนอโปรแกรมการพัฒนาทักษะที่หลากหลาย เพื่อให้พนักงานได้เตรียมตัวสำหรับบทบาทที่สูงขึ้นในองค์กร

การจัดการกับพนักงานที่ต้องการลาออกไปทำธุรกิจของตัวเองจำเป็นต้องมีความเข้าใจและการสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้พวกเขามีความรู้สึกที่ดีต่อองค์กร และนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับไปใช้ในการสร้างธุรกิจของตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ

ต้องการไปทำธุรกิจของตัวเอง

3. เบื่อหน่ายกับงานที่ไม่มีโอกาสเติบโต

พนักงานที่รู้สึกเบื่อหน่ายกับงานที่ซ้ำซากและมองไม่เห็นโอกาสในการเติบโตเป็นกลุ่มที่มีศักยภาพสูงและมีความทะเยอทะยานในการก้าวหน้า การจัดการกับพนักงานกลุ่มนี้จำเป็นต้องมีความเข้าใจและการวางแผนที่ดี เพื่อรักษาพนักงานที่มีค่าเหล่านี้ไว้ในองค์กร

การจัดการกับพนักงานที่เบื่อหน่ายกับงานซ้ำซากและต้องการความท้าทาย

1. การให้โอกาสในการพัฒนาและก้าวหน้า

  • สร้างเส้นทางการเติบโตในองค์กรที่ชัดเจนและท้าทาย เพื่อให้พนักงานเห็นภาพรวมและรู้ว่าตนเองสามารถก้าวหน้าได้ในอนาคต
  • จัดทำโปรแกรมการฝึกอบรมและพัฒนาทักษะอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้พนักงานได้รับการพัฒนาและสามารถนำทักษะใหม่ๆ มาใช้ในงาน

2. การมอบหมายงานที่ท้าทายและหลากหลาย

  • มอบหมายงานที่มีความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เพื่อให้พนักงานมีความรู้สึกว่าตนเองมีความสำคัญและมีโอกาสในการพัฒนา
  • การจัดโปรเจคหรือภารกิจพิเศษที่ต้องการความคิดสร้างสรรค์และการแก้ไขปัญหา จะช่วยให้พนักงานได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มที่

3. การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ส่งเสริมการเรียนรู้

  • สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเรียนรู้และการพัฒนา เช่น การแลกเปลี่ยนความรู้ภายในทีม การจัดเวิร์คช็อป และการสนับสนุนให้พนักงานเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ
  • สนับสนุนการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและน่าสนใจมากขึ้น

4. การยอมรับและชื่นชมผลงาน

การยอมรับและชื่นชมผลงานของพนักงานเป็นสิ่งที่สำคัญในการสร้างแรงจูงใจ ให้รางวัลหรือการยกย่องเมื่อพนักงานทำผลงานได้ดี จะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองต่อไป

การรักษาพนักงานกลุ่มนี้ในระยะยาว

1. การประเมินและปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

การประเมินผลการทำงานและการพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้เห็นถึงความก้าวหน้าและพื้นที่ที่ยังต้องการการปรับปรุง การปรับปรุงโปรแกรมและโอกาสต่างๆ ให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานจะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองได้รับการสนับสนุนอย่างแท้จริง

2. การสร้างเส้นทางการเติบโตที่หลากหลาย

การสร้างเส้นทางการเติบโตที่หลากหลายไม่จำกัดเฉพาะเส้นทางเดียว จะช่วยให้พนักงานมีทางเลือกในการพัฒนาและสามารถเลือกเส้นทางที่เหมาะสมกับตนเอง

3. การส่งเสริมความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน

การสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่าตนเองมีเวลาสำหรับการพัฒนาและพักผ่อน การสนับสนุนให้พนักงานมีเวลาสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมส่วนตัวจะช่วยให้พนักงานมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น

การจัดการกับพนักงานที่ต้องการความท้าทายและมองหาโอกาสในการเติบโตในองค์กรต้องมีความยืดหยุ่นและการสนับสนุนที่เหมาะสม การสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้และพัฒนาอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีแรงจูงใจในการทำงานมากขึ้น

เบื่อหน่ายกับงานที่ไม่มีโอกาสเติบโต

4. รายได้ไม่เพียงพอ

การลาออกของพนักงานเนื่องจากรายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายเป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยและส่งผลกระทบต่อองค์กรในหลายด้าน การจัดการกับปัญหานี้เป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อรักษาพนักงานที่มีศักยภาพและลดอัตราการลาออกของพนักงาน

การจัดการกับพนักงานที่ลาออกเพราะรายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย

1. การปรับปรุงระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการ

  • พิจารณาปรับค่าตอบแทนให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นและการแข่งขันในตลาดแรงงาน การปรับเงินเดือนและโบนัสที่เป็นธรรมจะช่วยลดความต้องการในการย้ายงานเพื่อเพิ่มรายได้
  • เสนอแพ็คเกจสวัสดิการที่ครอบคลุมและคุ้มค่า เช่น ประกันสุขภาพ ประกันชีวิต การพักผ่อนประจำปี และสิทธิประโยชน์อื่นๆ ที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพนักงาน

2. การประเมินและปรับค่าตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ

  • จัดทำการประเมินค่าตอบแทนและสวัสดิการของพนักงานอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้แน่ใจว่าพนักงานได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธรรมและสอดคล้องกับผลงานและความสามารถ
  • การจัดทำการประเมินผลการทำงานและการปรับเงินเดือนอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่าได้รับการยอมรับและเห็นคุณค่าในผลงานของตน

3. การสร้างโอกาสในการพัฒนาและเติบโต

  • สร้างโอกาสในการพัฒนาและเติบโตภายในองค์กร เช่น การฝึกอบรม การพัฒนาทักษะ และการให้โอกาสในการรับผิดชอบงานที่ท้าทายและมีความสำคัญ
  • การสร้างเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจนและมีโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง จะช่วยให้พนักงานรู้สึกว่ามีอนาคตและมีโอกาสในการเพิ่มรายได้ในระยะยาว

4. การสื่อสารและการเปิดช่องทางในการแสดงความคิดเห็น

  • การสื่อสารกับพนักงานอย่างเปิดเผยและโปร่งใสเกี่ยวกับสถานะการเงินขององค์กรและนโยบายค่าตอบแทนจะช่วยให้พนักงานเข้าใจสถานการณ์และมีความไว้วางใจในองค์กร
  • การเปิดช่องทางให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นหรือแสดงความกังวลเกี่ยวกับค่าตอบแทนและสวัสดิการ จะช่วยให้องค์กรสามารถรับรู้และแก้ไขปัญหาได้ทันที

5. การให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือทางการเงิน

  • การให้คำปรึกษาและการช่วยเหลือทางการเงิน เช่น การจัดสัมมนาเกี่ยวกับการจัดการการเงินส่วนบุคคล การให้คำแนะนำในการวางแผนการเงิน จะช่วยให้พนักงานมีความสามารถในการจัดการเงินได้ดีขึ้น
  • การเสนอสินเชื่อพิเศษหรือการช่วยเหลือทางการเงินในกรณีฉุกเฉิน จะช่วยลดความกังวลของพนักงานและเพิ่มความผูกพันต่อองค์กร

การวิเคราะห์และการติดตามผล

1. การวิเคราะห์ข้อมูลการลาออก

  • การวิเคราะห์ข้อมูลการลาออกเพื่อระบุแนวโน้มและสาเหตุที่แท้จริง จะช่วยให้องค์กรสามารถพัฒนานโยบายและกลยุทธ์ในการรักษาพนักงานได้ดีขึ้น
  • การทำ Exit Interview กับพนักงานที่ลาออกเพราะรายได้ไม่พอ จะช่วยให้ได้รับข้อมูลเชิงลึกและสามารถนำมาปรับปรุงระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการได้

2. การติดตามผลการปรับปรุงค่าตอบแทนและสวัสดิการ

  • การติดตามผลการปรับปรุงค่าตอบแทนและสวัสดิการเพื่อดูว่ามีผลต่อการรักษาพนักงานและลดอัตราการลาออกหรือไม่
  • การทำสำรวจความพึงพอใจของพนักงานเป็นประจำจะช่วยให้องค์กรสามารถปรับปรุงและพัฒนานโยบายให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงาน

การจัดการกับพนักงานที่ลาออกเพราะรายได้ไม่พอค่าใช้จ่ายจำเป็นต้องมีความเข้าใจและการสนับสนุนที่เหมาะสม การปรับปรุงระบบค่าตอบแทนและสวัสดิการให้สอดคล้องกับความต้องการของพนักงานและการสร้างโอกาสในการพัฒนาและเติบโตจะช่วยลดอัตราการลาออกและรักษาพนักงานที่มีศักยภาพไว้ในองค์กร

รายได้ไม่เพียงพอ

5. หงุดหงิดกับที่ทำงาน

การจัดการกับพนักงานที่มีอารมณ์ชั่ววูบหรือหงุดหงิดกับที่ทำงานเป็นความท้าทายที่ HR ต้องเผชิญ การเข้าใจและสนับสนุนพนักงานกลุ่มนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้พวกเขาสามารถปรับปรุงการทำงานและมีความเสถียรทางอารมณ์มากขึ้น

การจัดการกับพนักงานที่ลาออกเพราะอารมณ์ชั่ววูบหรือหงุดหงิด

1. การให้คำปรึกษาและการสนับสนุนทางจิตใจ

  • จัดให้มีที่ปรึกษาทางจิตวิทยาหรือผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการอารมณ์ที่พนักงานสามารถเข้าถึงได้ เพื่อให้คำแนะนำและช่วยเหลือในการจัดการกับอารมณ์และความเครียด
  • การให้คำปรึกษาเป็นรายบุคคลหรือกลุ่มจะช่วยให้พนักงานสามารถแบ่งปันปัญหาและได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานหรือผู้เชี่ยวชาญ

2. การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตร

  • สร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นมิตรและสนับสนุน เพื่อให้พนักงานรู้สึกว่ามีพื้นที่ในการแสดงออกและสามารถพูดคุยปัญหาต่างๆ ได้อย่างอิสระ
  • การส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมความร่วมมือและการสนับสนุนระหว่างพนักงาน จะช่วยลดความตึงเครียดและเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของทีม

3. การให้การฝึกอบรมเรื่องการจัดการอารมณ์

  • จัดโปรแกรมฝึกอบรมเกี่ยวกับการจัดการอารมณ์และการควบคุมความเครียด เพื่อช่วยให้พนักงานมีเครื่องมือในการจัดการกับสถานการณ์ที่ทำให้หงุดหงิดหรือเครียด
  • การฝึกอบรมเรื่องการสื่อสารและการแก้ไขปัญหาจะช่วยให้พนักงานมีทักษะในการจัดการกับความขัดแย้งและสถานการณ์ที่ทำให้เครียดได้ดีขึ้น

4. การมีโปรแกรมสนับสนุนพนักงาน (Employee Assistance Program, EAP)

  • จัดตั้งโปรแกรมสนับสนุนพนักงานเพื่อให้คำปรึกษาและความช่วยเหลือในด้านต่างๆ ทั้งทางการงานและส่วนตัว เพื่อช่วยลดความกังวลและความเครียด
  • โปรแกรม EAP สามารถให้การช่วยเหลือในด้านการเงิน ครอบครัว หรือการจัดการชีวิตส่วนตัว ซึ่งมีผลโดยตรงต่อความเสถียรทางอารมณ์ของพนักงาน

5. การส่งเสริมการใช้เวลาว่างอย่างมีประสิทธิภาพ

  • ส่งเสริมให้พนักงานใช้เวลาว่างในการทำกิจกรรมที่ช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสุข เช่น การออกกำลังกาย การทำงานศิลปะ หรือการทำกิจกรรมที่ตนเองชื่นชอบ
  • จัดกิจกรรมสันทนาการหรือโปรแกรมสุขภาพภายในองค์กร เพื่อให้พนักงานมีโอกาสผ่อนคลายและเสริมสร้างสุขภาพจิต

การติดตามและประเมินผล

1. การประเมินสภาวะอารมณ์และการทำงาน

  • ทำการประเมินสภาวะอารมณ์และการทำงานของพนักงานเป็นระยะ เพื่อให้ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงและผลกระทบจากการสนับสนุนที่ได้รับ
  • การติดตามผลจากการฝึกอบรมและการให้คำปรึกษาจะช่วยให้ HR สามารถปรับปรุงโปรแกรมต่างๆ ให้เหมาะสมกับความต้องการของพนักงาน

2. การสร้างช่องทางสื่อสารที่เปิดกว้าง

  • สร้างช่องทางสื่อสารที่เปิดกว้างและไม่เป็นทางการเพื่อให้พนักงานสามารถแสดงความคิดเห็นและแบ่งปันปัญหาได้อย่างอิสระ
  • การฟังความคิดเห็นของพนักงานและการตอบสนองอย่างรวดเร็วจะช่วยลดความเครียดและความกังวลของพนักงาน

การป้องกันปัญหาลาออกจากอารมณ์ชั่ววูบในอนาคต

1. การพัฒนาโปรแกรมการดูแลสุขภาพจิตอย่างยั่งยืน

  • พัฒนาโปรแกรมการดูแลสุขภาพจิตอย่างยั่งยืน เพื่อให้พนักงานมีการสนับสนุนทางจิตใจอย่างต่อเนื่องและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้ดียิ่งขึ้น
  • การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีจะช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานและลดความเสี่ยงในการลาออก

2. การส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน

  • ส่งเสริมการพัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงาน เช่น การจัดการอารมณ์ การแก้ไขปัญหา และการสื่อสาร เพื่อให้พนักงานมีความมั่นใจและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่ท้าทายได้ดียิ่งขึ้น
  • การลงทุนในการพัฒนาทักษะของพนักงานจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงและความพึงพอใจในการทำงาน

การจัดการกับพนักงานที่มีปัญหาด้านอารมณ์ชั่ววูบหรือหงุดหงิดกับที่ทำงานต้องการความเข้าใจและการสนับสนุนที่เหมาะสมจากองค์กร การสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร การให้คำปรึกษาและการฝึกอบรมที่เหมาะสม จะช่วยให้พนักงานสามารถปรับปรุงการทำงานและมีความเสถียรทางอารมณ์มากขึ้น และเป็นความหวังในอนาคตสำหรับองค์กร

หงุดหงิดกับที่ทำงาน

สรุปส่งท้าย

การที่พนักงานคิดจะลาออกนั้นมักเกิดจากการผสมผสานระหว่างปัจจัยเรื่องการเงินและความท้าทายของงาน การสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สมดุลระหว่างค่าตอบแทนที่เหมาะสมและการท้าทายที่เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาพนักงานให้อยู่กับองค์กรต่อไป
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์

Share:

ความคิดเห็น

ประกาศที่เกี่ยวข้อง

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน การที่พนักงานหมดไฟจากการทำงาน เป็นได้หลายสาเหตุด้วยกัน โดยทาง…
บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพที่ดีมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงานจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียว การมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นควรพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมพร้อมกับทักษะในสายงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในองค์กร โดยในวันนี้ PartTimeTH…
วิธีรับมือคน Toxic ในสถานที่ทำงาน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

วิธีรับมือคน Toxic ในสถานที่ทำงาน ต้องเตรียมตัวอย่างไร ?

ในสถานที่ทำงาน หลายคนอาจพบเจอกับบุคคลที่มีพฤติกรรมที่ทำให้บรรยากาศการทำงานตึงเครียด และส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตของผู้อื่น คนเหล่านี้ถูกเรียกว่า “คน Toxic”…

หัวข้อ

ประกาศล่าสุด

[งานราชการ] รับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา

[งานราชการ] รับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา

ประกาศรับสมัครพนักงานราชการทั่วไป สํานักงานขนส่งจังหวัดแพร่ 1 อัตรา โดยรับสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่…
[งานราชการ] รับสมัครบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โรงพยาบาลอ่างทอง 1 อัตรา

[งานราชการ] รับสมัครบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โรงพยาบาลอ่างทอง 1 อัตรา

ประกาศรับสมัครบรรจุบุคคลเข้ารับราชการ โรงพยาบาลอ่างทอง 1 อัตรา โดยรับสมัครด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่…

บทความล่าสุด

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

สาเหตุที่ทำให้พนักงานหมดไฟ จากการทำงานเกิดจากงานแบบไหน ?

ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในปัจจุบัน การที่พนักงานหมดไฟจากการทำงาน เป็นได้หลายสาเหตุด้วยกัน โดยทาง…
บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพดี มีส่วนต่อการตัดสินใจเข้าทำงานจริงหรือ ?

บุคลิกภาพที่ดีมีบทบาทสำคัญในการตัดสินใจเข้าทำงานจริงๆ แต่ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียว การมีทักษะที่เหมาะสมและความสามารถในการทำงานร่วมกับผู้อื่นมีความสำคัญเช่นกัน ดังนั้นควรพัฒนาบุคลิกภาพให้เหมาะสมพร้อมกับทักษะในสายงานเพื่อเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในองค์กร โดยในวันนี้ PartTimeTH…