ต้องการกู้เงินสินเชื่อ แต่ไม่มีสเตทเม้นท์ ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง ?
1. เอกสารหรือสัญญาต่าง ๆ ที่ควรเก็บไว้เพื่อประกอบการขอสินเชื่อ
เอกสารเหล่านี้จะช่วยยืนยันที่มาของรายได้ และสร้างความน่าเชื่อถือต่อผู้ให้กู้เงินสินเชื่อ
สำหรับพนักงานประจำ
- หนังสือรับรองเงินเดือน
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50)
- สลิปเงินเดือน
- ใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน – 1 ปี
สำหรับอาชีพอิสระหรือฟรีแลนซ์
- สัญญาจ้างงาน
- หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50)
- ใบเสร็จรับเงิน
- ใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน – 1 ปี
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก พ่อค้าแม่ค้า เกษตรกร หรือขนส่งรถบรรทุก
- ใบทะเบียนการค้า
- หนังสือรับรองการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ใบเสร็จซื้อของ
- ใบสั่งซื้อสินค้า
- บัญชีรายรับรายจ่าย
- ใบแจ้งยอดบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน – 1 ปี
เอกสารเพิ่มเติม
- สำเนาบัตรประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาทะเบียนสมรส (ถ้ามี)
- เอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สิน (ถ้ามี)
ข้อแนะนำ
- เก็บเอกสารให้ครบถ้วนและเรียบร้อย
- แยกประเภทเอกสารให้ชัดเจน
- เก็บเอกสารไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี
การเก็บเอกสารเหล่านี้ไว้ จะช่วยให้การขอสินเชื่อของคุณราบรื่น และเพิ่มโอกาสในการได้รับอนุมัติสินเชื่อมากขึ้น
2. ยื่นภาษีรายได้ผู้ประกอบอาชีพ
การยื่นภาษีเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนที่มีรายได้ เพื่อนำไปพัฒนาประเทศ พ่อค้าแม่ค้า ฟรีแลนซ์ และผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่ได้จดทะเบียนบริษัท สามารถยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) ได้ฟรี
เอกสารที่ต้องเตรียม
- ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
- หนังสือรับรองหักภาษี ณ ที่จ่าย (ทวิ 50)
- เอกสารแสดงการหักภาษี ณ ที่จ่าย 3%
- สำเนาบัตรประชาชน
ช่องทางการยื่นภาษี
- ยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร https://efiling.rd.go.th/rd-cms/
- ยื่นผ่านแอป RD Smart Tax
- ยื่นที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
3. ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
การทำบัญชีรายรับ รายจ่าย เปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางสู่ความมั่นคงทางการเงิน ช่วยให้คุณเข้าใจที่มาที่ไปของเงินอย่างถ่องแท้ วางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วยิ่งขึ้น
ทำไมต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ?
- เข้าใจสถานะการเงินของคุณ: มองเห็นภาพรวมของเงินที่เข้า-ออก วิเคราะห์จุดอ่อนและจุดแข็งทางการเงินของคุณ
- ควบคุมการใช้จ่าย: ระบุจุดที่ใช้จ่ายเกินตัว ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย ช่วยให้เก็บออมได้มากขึ้น
- วางแผนการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ: ตั้งเป้าหมายทางการเงินระยะสั้นและระยะยาว วางแผนเก็บออม ลงทุน หรือชำระหนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- เพิ่มโอกาสในการขอสินเชื่อ: เพิ่มความน่าเชื่อถือต่อธนาคาร แสดงหลักฐานการมีรายได้และความสามารถในการผ่อนชำระ
เริ่มต้นทำบัญชีรายรับ รายจ่ายได้ง่าย ๆ ดังนี้
- จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย: เลือกวิธีที่สะดวกสำหรับคุณ เช่น สมุดบันทึก โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือแอปพลิเคชั่นบนมือถือ
- แยกประเภทรายรับ-รายจ่าย: แบ่งเป็นหมวดหมู่ เช่น เงินเดือน เงินจากธุรกิจ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ค่าสาธารณูปโภค
- บันทึกอย่างสม่ำเสมอ: จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกวัน ไม่ควรปล่อยให้ขาดช่วง
- ตรวจสอบความถูกต้อง: ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ
เครื่องมือที่ช่วยคุณทำบัญชีรายรับ รายจ่าย
- สมุดบันทึกรายรับ รายจ่าย: หาซื้อง่าย พกพาสะดวก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น
- โปรแกรมคอมพิวเตอร์: มีฟังก์ชั่นการใช้งานหลากหลาย เหมาะสำหรับธุรกิจหรือการจัดการการเงินที่ซับซ้อน
- แอปพลิเคชั่นบนมือถือ: สะดวก รวดเร็ว ใช้งานง่าย เหมาะสำหรับการจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายระหว่างวัน
เคล็ดลับการทำบัญชีรายรับ รายจ่ายให้ประสบความสำเร็จ
- ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน: ตั้งเป้าหมายว่าต้องการอะไรจากการทำบัญชี เช่น เก็บออมเงิน ซื้อบ้าน หรือชำระหนี้
- เลือกวิธีที่เหมาะกับคุณ: เลือกวิธีการทำบัญชีที่สะดวกและใช้งานง่าย
- บันทึกอย่างสม่ำเสมอ: วินัยเป็นสิ่งสำคัญ จดบันทึกรายรับ-รายจ่ายทุกวัน
- ตรวจสอบและวิเคราะห์: วิเคราะห์ข้อมูลการเงิน หาจุดอ่อนและจุดแข็ง ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย
4. วางแผนเดินบัญชีธนาคาร
สเตทเม้นท์ หรือ รายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร เปรียบเสมือนใบเสร็จที่แสดงภาพรวมของธุรกรรมทางการเงินทั้งหมดของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการฝาก ถอน โอนเงิน ข้อมูลเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการขอสินเชื่อ โดยเฉพาะสำหรับอาชีพอิสระ ฟรีแลนซ์ พ่อค้าแม่ค้า และธุรกิจขนาดเล็ก
การวางแผนเดินบัญชีธนาคาร จึงเป็นสิ่งที่ควรเตรียมพร้อมไว้ล่วงหน้า โดยมีหลักการสำคัญดังนี้
1. ฝากเงินอย่างสม่ำเสมอ
- พยายามฝากเงินเข้าบัญชีเป็นประจำทุกเดือน แม้จะจำนวนไม่มากก็ตาม แสดงให้เห็นถึงวินัยทางการเงิน
- วางแผนเงินออม แบ่งเงินส่วนหนึ่งจากรายได้ฝากเข้าบัญชีออมทรัพย์
2. รับรายได้ผ่านบัญชีธนาคาร
- กระตุ้นให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร แทนการจ่ายเงินสด
- แยกบัญชีสำหรับธุรกิจออกจากบัญชีส่วนตัว ช่วยให้ตรวจสอบรายรับ-รายจ่ายได้ชัดเจน
3. แสดงการหมุนเวียนของเงิน
- ใช้บัญชีธนาคารเพื่อจ่ายค่าสินค้า ค่าบริการต่างๆ
- โอนเงินเพื่อลงทุน ซื้อประกัน หรือทำธุรกรรมอื่นๆ
4. เตรียมเอกสารประกอบ
- เก็บสลิปการโอนเงิน ใบเสร็จรับเงิน เอกสารที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรม
- จัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย แสดงที่มาที่ไปของเงิน
ระยะเวลาในการเดินบัญชี
- โดยทั่วไป ผู้ให้กู้มักใช้รายการเดินบัญชีย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี
- บางกรณีอาจต้องใช้ย้อนหลังนานกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทสินเชื่อและเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร
ข้อควรระวัง
- ไม่ควรฝากเงินก้อนใหญ่เข้าบัญชีในช่วงใกล้ขอสินเชื่อ
- หลีกเลี่ยงการถอนเงินก้อนใหญ่หลังจากได้รับอนุมัติสินเชื่อ
การวางแผนเดินบัญชีธนาคารที่ดี แสดงถึงวินัยทางการเงิน และสร้างความน่าเชื่อถือต่อผู้ให้กู้ ช่วยให้โอกาสในการขอสินเชื่อผ่านมากขึ้น
สินเชื่อที่มีให้บริการในปัจจุบัน มีอะไรบ้าง ?
- สินเชื่อส่วนบุคคล: เหมาะสำหรับการใช้จ่ายส่วนตัว วงเงินกู้สูงสุด 5 เท่าของรายได้ต่อเดือน
- สินเชื่อธุรกิจ: เหมาะสำหรับการนำไปต่อยอดธุรกิจ วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท
- สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์: วงเงินกู้ไม่เกิน 2 ล้านบาท อนุมัติไว เหมาะสำหรับเงินฉุกเฉิน
- สินเชื่อซ่อมแซมบ้าน: วงเงินกู้สูงสุด 500,000 บาท เหมาะสำหรับการซ่อมแซมหรือต่อเติมบ้าน
- สินเชื่อทะเบียนรถ: วงเงินกู้สูงสุด 70% ของราคาประเมินรถ เหมาะสำหรับผู้มีรถยนต์
สินเชื่อไม่ต้องใช้สเตทเม้นท์ที่สมัครได้ มีกลุ่มอาชีพอะไรบ้าง ?
กลุ่มอาชีพ ที่สามารถเข้าถึงการกู้เงินสินเชื่อประเภทนี้ได้ ได้แก่
- ฟรีแลนซ์
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- พ่อค้าแม่ค้า
- เกษตรกร
- ขนส่งรถบรรทุก
- ขนส่งสินค้า
ก่อนสมัครสินเชื่อ มีข้อควรระวังอะไรบ้าง ?
- ศึกษาข้อมูลสินเชื่ออย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
- เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมจากหลายๆ แหล่ง
- เลือกสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการ
- ระวังมิจฉาชีพหลอกลวง
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์