‘ภาวะสมองล้า’ เป็นภาวะที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในวัยทำงาน ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนต้องแข่งขันกันมากขึ้น การทำงานที่ต้องแข่งกับเวลา ทำให้มีโอกาสดูแลสุขภาพน้อยลง บ่อยครั้งที่คนในวัยทำงานเผชิญกับความเจ็บป่วยที่มีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต อาชีพ และการเข้าสังคม
หากไม่นับความเจ็บป่วยทางกาย ยังมีความเจ็บป่วยทางใจและระบบประสาท โดยเฉพาะปัญหาด้านความจำที่แย่ลง ซึ่งปกติควรพบในวัยสูงอายุแต่มาพบในวัยทำงาน ทำให้สร้างความกังวลว่าตัวเราจะกลายเป็นโรคสมองเสื่อมตั้งแต่อายุน้อยหรือเปล่า ภาวะนี้เรียกว่า ‘สมองล้า’ หรือ ‘Brain fog’ เพราะฉะนั้นควรใส่ใจดูแลบำรุงสมองตั้งแต่วันนี้ก่อนสายเกินแก้ วันนี้ PartTimeTH นำ 10 สัญญาณเตือน ‘ภาวะสมองล้า’ มาให้ทุกคนทำเช็คลิสต์สุขภาพของตัวเองไปพร้อมๆกัน
ภาวะสมองล้า คืออะไร
ภาวะสมองล้า หรือ Brain Fog Syndrome คือสภาวะที่เกิดจากความเครียดที่เรามักไม่รู้ตัว เนื่องจากสมองทำงานหนักเป็นเวลานาน มักเกิดจากการพักผ่อนไม่เพียงพอ หรือการนั่งทำงานหน้าจอนานเกินไป ส่งผลให้สารสื่อประสาท ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำหน้าที่เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเซลล์ประสาท เสียสมดุล ประสิทธิภาพการทำงานของสมองจึงลดลง
เช็กสัญญาณเตือน 'ภาวะสมองล้า' โรคใกล้ตัววัยทำงาน ที่ไม่ควรมองข้าม
- ความเหนื่อยล้าทางจิตใจ
รู้สึกเหนื่อยและอ่อนล้าอย่างมากแม้จะได้นอนหลับพักผ่อนเพียงพอ - ขาดสมาธิ
มีปัญหาในการจดจ่อทำงานหรือกิจกรรมใดๆ และรู้สึกว่าไม่สามารถทำงานให้สำเร็จได้ - ความจำเสื่อมถอย
ลืมรายละเอียดเล็กน้อยของงานหรือสิ่งที่ทำในชีวิตประจำวัน - ความคิดช้า
รู้สึกว่าการคิดและตัดสินใจช้ากว่าปกติ หรือมีปัญหาในการวางแผนและจัดการเวลา - ความเครียด
รู้สึกเครียดและวิตกกังวลตลอดเวลา ไม่สามารถผ่อนคลายหรือหลีกเลี่ยงความเครียดได้ - อารมณ์แปรปรวน
มีอารมณ์เปลี่ยนแปลงรวดเร็วและมีอารมณ์ไม่คงที่ รู้สึกโกรธหรือเศร้าบ่อยครั้ง - ไม่มีแรงจูงใจ
ขาดแรงจูงใจในการทำงานหรือกิจกรรมที่เคยสนใจ รู้สึกว่าไม่มีความสุขหรือความพึงพอใจในสิ่งที่ทำ - ปวดหัว
มีอาการปวดหัวบ่อยครั้งและปวดอย่างรุนแรง - ปัญหาการนอนหลับ
นอนไม่หลับหรือนอนหลับไม่สนิท ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าในวันรุ่งขึ้น - การทำงานลดประสิทธิภาพ
รู้สึกว่าประสิทธิภาพในการทำงานลดลง ทำให้ผลลัพธ์ของงานไม่เป็นที่พึงพอใจ
การตระหนักถึงสัญญาณเตือนเหล่านี้และการหาวิธีการผ่อนคลายและการดูแลสุขภาพจิตใจเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันภาวะสมองล้าในคนวัยทำงาน
การรักษาและการป้องกันภาวะสมองล้า
การรักษา
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ
ควรนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้สมองและร่างกายได้ฟื้นฟู - การจัดการความเครียด
ฝึกการผ่อนคลาย เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือการฝึกหายใจลึกๆ เพื่อช่วยลดความเครียด - การออกกำลังกาย
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เช่น การเดิน วิ่ง หรือออกกำลังกายที่ชอบ เพื่อเพิ่มพลังงานและความสดชื่น - การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผักผลไม้ ธัญพืช และโปรตีนที่ดี เพื่อให้สมองได้รับสารอาหารที่จำเป็น - การปรึกษาแพทย์
หากรู้สึกว่าภาวะสมองล้ามีอาการหนัก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำและการรักษาที่เหมาะสม
การป้องกัน
- การวางแผนเวลาและงาน
วางแผนงานและเวลาที่เหมาะสม แบ่งงานออกเป็นส่วนเล็กๆ และทำตามลำดับความสำคัญ - การพักผ่อนระหว่างงาน
พักผ่อนสั้นๆ ระหว่างการทำงาน เช่น ลุกขึ้นยืน เดินเล่น หรือยืดเหยียดร่างกาย - การหลีกเลี่ยงการทำงานหนักเกินไป
หลีกเลี่ยงการทำงานต่อเนื่องนานๆ โดยไม่มีการพักผ่อน - การสร้างสมดุลชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว
จัดเวลาสำหรับการพักผ่อนและกิจกรรมที่ชอบนอกเวลางาน - การสนับสนุนจากเพื่อนร่วมงานและครอบครัว
เปิดเผยความรู้สึกและปัญหาที่พบให้เพื่อนร่วมงานและครอบครัวทราบ เพื่อรับการสนับสนุนและความเข้าใจ
การรักษาและการป้องกันภาวะสมองล้าเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีสุขภาพจิตใจที่ดี
บทสรุปส่งท้าย
ภาวะสมองล้าเป็นกลุ่มอาการที่ประกอบด้วยปัญหาด้านความจำระยะสั้นถดถอย สมาธิที่ไม่คงที่ ไม่สามารถจดจ่อกับงานใดงานหนึ่งได้นาน จนทำให้ทักษะการทำงานและการวางแผนลดลง ภาวะนี้มักพบบ่อยในคนวัยทำงานที่ต้องใช้ทักษะการคิดและความจำสูง เมื่ออาการทวีความรุนแรงขึ้น ความจำและการทำงานของสมองก็จะลดลง ส่งผลให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ โรคพาร์กินสัน และโรคความจำเสื่อมก่อนวัย นอกจากนี้ยังมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ดังนั้นควรเริ่มดูแลและบำรุงสมองตั้งแต่วันนี้เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์