บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เดือนมีนาคม ได้วงเงินทั้งหมดเท่าไร?

1 มีนาคม 2567

วงเงินที่ได้รับ

• ซื้อสินค้า: 300 บาทต่อคนต่อเดือน
• ค่าซื้อก๊าซหุงต้ม: 80 บาทต่อคนต่อ 3 เดือน (เฉลี่ย 26.67 บาทต่อเดือน)
• ค่าเดินทาง: 750 บาทต่อคนต่อเดือน

(ประเภทการเดินทางที่ใช้สิทธิ์ได้: บขส., รถไฟ, ขสมก., รถไฟฟ้า (MRT/BTS/ARL/EBM), รถโดยสารเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ)

สิทธิประโยชน์ที่ได้รับ

• รัฐบาลสนับสนุนเงิน 50% ของยอดซื้อ สูงสุด 150 บาทต่อคนต่อวัน
• ซื้อสินค้าและบริการที่ร่วมโครงการได้
• จ่ายเงินผ่านแอปฯ “เป๋าตัง” เท่านั้น

ข้อจำกัด

• วงเงินสิทธิไม่สามารถถอนเป็นเงินสดได้
• วงเงินสิทธิไม่สะสมในเดือนถัดไป
• สงวนสิทธิ์สำหรับผู้ลงทะเบียนและได้รับสิทธิ์เท่านั้น

6 มีนาคม 2567

สำหรับผู้สูงอายุที่มีสิทธิแต่ยังไม่ได้รับเงิน (ตกหล่น) เงินสงเคราะห์เพื่อการยังชีพแก่ผู้สูงอายุที่มีรายได้น้อย ปี 2565 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จะโอนเงินผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้

1. บัญชีร่วมกับบุคคลอื่นหรือบัญชีบุคคลอื่น

• กรณีผู้พิการ/ผู้ป่วยติดเตียง/และหรือผู้สูงอายุที่มีอายุเกิน 60 ปีขึ้นไป ที่ไม่สามารถเปิดบัญชีหรือผูกพร้อมเพย์ได้
• ต้องมีหนังสือให้ความยินยอมโอนเงินสวัสดิการ

2. บัญชีเงินฝากธนาคารที่รับเงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ

• เป็นช่องทางเพิ่มเติม เฉพาะกรณีนี้เท่านั้น

3. บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวประชาชน

• ผู้มีสิทธิต้องผูกพร้อมเพย์ภายในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567

20 มีนาคม 2567

เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท จะโอนเข้าบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก หรือบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิ์ หรือผู้รับมอบอำนาจที่ใช้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท ในวันที่ 20 มีนาคม 2567

ผู้มีสิทธิ์ได้รับ มีคุณสมบัติอย่างไร ?

• เป็นผู้พิการที่มีบัตรประจำตัวคนพิการ
• ได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาทต่อเดือน
• ยืนยันตัวตนในช่วงวันที่ 27 กันยายน – 26 ตุลาคม 2566

หมายเหตุ

• ผู้มีสิทธิ์ที่ยืนยันตัวตนหลังวันที่ 26 ตุลาคม 2566 จะได้รับเงินเพิ่มเบี้ยความพิการ 200 บาท ย้อนหลังเฉพาะเดือนที่ได้รับเงินเบี้ยความพิการ 800 บาท
• ผู้ผ่านสิทธิ์กลุ่มตกหล่นรอบอุทธรณ์ และ ผู้ผ่านสิทธิ์รอบอุทธรณ์ (เพิ่มเติม) ครั้งที่ 2 จะได้รับการทบสิทธิ์เงินเพิ่มเบี้ยความพิการ ย้อนหลัง 6 เดือน (เมษายน – ตุลาคม 2566)