ยื่นแบบคำขอคืนภาษีปี 2567 ยื่นได้ผ่านช่องทางใดบ้าง ?
การยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2566 (พ.ศ. 2567) จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป โดยผู้มีเงินได้สามารถเลือกช่องทางการยื่นแบบได้ 2 ช่องทาง ได้แก่
- การยื่นแบบเอกสารหรือกระดาษ ผ่านสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทุกแห่งใกล้บ้าน โดยผู้มีเงินได้จะต้องนำเอกสารและหลักฐานประกอบการยื่นแบบมายื่นด้วยตนเองหรือมอบให้ผู้อื่นมายื่นแทน ยื่นได้ถึงสิ้นเดือน มีนาคม 2567
- การยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ ของกรมสรรพากร www.rd.go.th โดยผู้มีเงินได้จะต้องสมัครสมาชิกและเข้าสู่ระบบก่อน จากนั้นจึงกรอกข้อมูลและแนบเอกสารประกอบการยื่นแบบ ให้ถึงวันที่ 9 เมษายน 2567
สำหรับผู้มีเงินได้ที่ต้องการยื่นภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร สามารถศึกษาขั้นตอนการยื่นแบบได้ที่เว็บไซต์ www.rd.go.th หัวข้อ “ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา” หรือคลิกที่ลิงก์ https://efiling.rd.go.th/
ช่องทางขอคืนภาษีปี 2567 มีช่องทางใดบ้าง ?
ผู้ที่มีสิทธิขอขอคืนภาษีปี 2567 จะต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายมากกว่าที่ต้องจ่าย คุณสามารถขอคืนภาษีได้หลังจากคำนวณภาษีหัก ณ ที่จ่ายแล้ว รายละเอียดข้อมูลและช่องทางในการติดตามสถานะการคืนเงินสรุปได้ ดังนี้
ช่องทางขอเงินภาษี มีทั้งหมด 3 ช่องทาง ดังนี้
- บัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก
เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด ผู้ขอคืนสามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร หรือเว็บไซต์กรมสรรพากร หลังจากนั้นเลือกช่องทางการรับเงินคืนภาษีเป็น “พร้อมเพย์” บนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา - บัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
ผู้ขอคืนสามารถเปิดบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงไทยหรือ ธ.ก.ส. โดยใช้เลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก เป็นผู้เปิดบัญชี หลังจากนั้นเลือกช่องทางการรับเงินคืนภาษีเป็น “บัญชีเงินฝาก” บนแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา - หนังสือ ค.21 (หนังสือแจ้งคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) พร้อมเช็ก
ผู้ขอคืนที่ไม่สามารถลงทะเบียนพร้อมเพย์ด้วยเลขประจำตัวบัตรประชาชน 13 หลัก กรมสรรพากรจะออกหนังสือ ค.21 พร้อมเช็ก โดยจัดส่งทางไปรษณีย์ตามที่อยู่บนแบบแสดงรายการให้ผู้ขอคืน เพื่อนำไปเข้าบัญชีเงินฝากที่สาขาธนาคารเท่านั้น
สำหรับกรณีผู้ขอคืนเงินภาษีที่มียอดเงินคืนเกิน 2 ล้านบาท จะได้รับเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารเท่านั้น โดยไม่สามารถเลือกรับเงินคืนเข้าพร้อมเพย์ได้
ติดตามสถานะการขอคืนภาษีปี 2567 ตรวจสอบได้อย่างไร ?
- เว็บไซต์กรมสรรพากร www.rd.go.th
- เลือกเมนูบัญชีภาษีของฉันเพื่อตรวจสอบข้อมูลภาษี
- กรอกข้อมูลเพื่อเข้าสู่ระบบ กรอกหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของคุณ (หมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน) และรหัสผ่านเหมือนกับระบบจัดเก็บข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ กรอกหมายเลขเลเซอร์ ID ที่ด้านหลังบัตรประจำตัวประชาชนของคุณ แล้วกด “เข้าสู่ระบบ”
- หน้าจอจะปรากฏขึ้นเพื่อยืนยันตัวตนของคุณ ระบบจะส่ง OTP และรหัสอ้างอิงไปยังหมายเลขโทรศัพท์ที่ระบบให้ไว้ กรอกรหัสที่ได้รับภายใน 5 นาที
- ติดตามสถานะและส่งข้อมูล
นอกจากนี้ คุณสามารถตรวจสอบสถานะการขอคืนภาษีของคุณได้ผ่านช่องทางอื่นๆ อีก 2 ช่องทาง คือ
- ศูนย์บริการข้อมูลภาษี (RD Call Center): 1161
- สำนักงานสรรพากรภูมิภาคตามภูมิลำเนาที่แสดงในแบบฟอร์มการยื่น
เทคนิคคืนเงินภาษีให้ไวมากขึ้น
1. เตรียมเอกสารหลักฐานให้พร้อม
เอกสารหลักฐานเป็นสิ่งสำคัญในการยื่นภาษี เพราะใช้ในการยืนยันตัวเลขรายรับ รายจ่าย ค่าลดหย่อนต่าง ๆ หากยื่นเอกสารไม่ครบถ้วน ตามตัวเลขที่แจ้งไว้ ทางสรรพกรก็อาจขอเรียกดูเอกสารเพิ่มเติม และใช้เวลานานขึ้นกว่าที่ได้รับคืนเงินภาษี
เอกสารที่ควรเตรียมพร้อมทุกครั้งที่ยื่นภาษี มีดังนี้
- หนังสือรับรองเงินเดือน เป็นเอกสารที่แสดงรายได้รวมของปีภาษีนั้น ๆ โดยนายจ้างจะเป็นผู้ออกให้
- การหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบทวิ 50) เป็นเอกสารที่แสดงจำนวนเงินที่นายจ้างหักภาษี ณ ที่จ่ายจากเงินเดือน โดยใบทวิ 50 จะเป็นเอกสารสำคัญในการยื่นภาษี เพราะใช้คำนวณภาษีที่ต้องชำระหรือภาษีที่ต้องคืน
- ข้อมูลเอกสารเกี่ยวกับค่าลดหย่อน เอกสารเกี่ยวกับค่าลดหย่อนต่าง ๆ เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกันชีวิต ค่าเบี้ยประกันสุขภาพ ค่าเล่าเรียน ค่าเลี้ยงดูบุตร หนังสือรับรองการบริจาค ใบกำกับภาษี/ใบเสร็จรับเงิน “ช้อปดีมีคืน” เป็นต้น
เอกสารหลักฐานบางประเภทอาจขึ้นอยู่กับประเภทของรายได้หรือสถานะของผู้ยื่นภาษี เช่น
- ผู้ที่มีรายได้จากธุรกิจ จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าซื้อสินค้าหรือบริการ ใบกำกับภาษี หลักฐานการเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นต้น
- ผู้ที่มีรายได้จากเงินได้อื่น ๆ เช่น ดอกเบี้ยเงินฝาก เงินปันผล เงินได้จากการลงทุน จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น สมุดบัญชีธนาคาร หนังสือรับรองเงินปันผล หนังสือรับรองเงินได้จากการลงทุน เป็นต้น
- ผู้ที่มีสิทธิลดหย่อนภาษีพิเศษ เช่น ผู้มีรายได้น้อย ผู้สูงอายุ ผู้มีบุตร จะต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติม เช่น ทะเบียนบ้าน บัตรประจำตัวประชาชน ใบสูติบัตรบุตร เป็นต้น
การเตรียมเอกสารหลักฐานให้ครบถ้วนก่อนยื่นภาษีจะช่วยให้กระบวนการยื่นภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วยิ่งขึ้น
2. อัพโหลดเอกสารเพิ่มเติมบนเว็บไซต์กรมสรรพากร
ขั้นตอนการอัพโหลดเอกสารเพิ่มเติมบนเว็บไซต์กรมสรรพากรเพื่อขอคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา มีดังนี้
- เข้าสู่เว็บไซต์กรมสรรพากรที่ https://efiling.rd.go.th/
- เข้าสู่ระบบ E-Refund ด้วยเลขประจำตัวประชาชนและรหัสผ่าน
- คลิกที่ “นำส่งเอกสารประกอบพิจารณาการคืนเงินภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา”
- เลือกประเภทเอกสารที่ต้องการอัพโหลด
- คลิกที่ปุ่ม “เลือกไฟล์” เพื่อเลือกไฟล์เอกสารที่ต้องการอัพโหลด
- คลิกที่ปุ่ม “อัปโหลด”
เอกสารที่สามารถอัพโหลดได้จะต้องเป็นสกุล JPG, BMP, PNG, TIFF, PDF ที่ขนาดของไฟล์ไม่เกิน 3 MB ขนาดของไฟล์รวมกันแต่ละครั้งไม่เกิน 20 MB และสามารถนำส่งได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทั้งนี้ ระบบไม่รองรับไฟล์ PDF ที่มี Password
3. การรับเงินคืนภาษีผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน
การรับเงินคืนภาษีผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกกับบัตรประชาชน เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด เนื่องจากจะได้รับเงินคืนภายใน 3-5 วันทำการ โดยผู้เสียภาษีจะต้องทำการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคารก่อนยื่นแบบแสดงรายการภาษี โดยสามารถผูกพร้อมเพย์ได้ผ่านแอปพลิเคชันธนาคาร หรือเว็บไซต์ของธนาคาร
ขั้นตอนการผูกพร้อมเพย์กับบัญชีธนาคารมีดังนี้
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันธนาคาร หรือเข้าสู่เว็บไซต์ของธนาคาร
- เข้าสู่ระบบด้วยเลขบัตรประชาชน
- เลือกเมนู “พร้อมเพย์”
- เลือก “ผูกพร้อมเพย์”
- เลือก “ผูกบัญชีธนาคาร”
- กรอกข้อมูลบัญชีธนาคาร
- ยืนยันการผูกพร้อมเพย์
หลังจากผูกพร้อมเพย์แล้ว ให้ตรวจสอบสถานะการคืนภาษีผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร โดยเลือกเมนู “My Tax Account” > “ตรวจสอบข้อมูลทางภาษี” > “ติดตามสถานะและส่งเอกสาร” > “ตรวจสอบสถานะคืนภาษี”
หากสถานะการคืนภาษีเป็น “ส่งคืนภาษี” แสดงว่ากรมสรรพากรได้อนุมัติคืนภาษีแล้ว และเงินคืนจะถูกโอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชนภายใน 3-5 วันทำการ
กรณีที่ไม่ได้ผูกพร้อมเพย์ไว้ ทางสรรพากรจะออกหนังสือแจ้งคืนเงินภาษี (ค.21) ส่งทางไปรษณีย์ สำหรับเป็นหลักฐานเพื่อนำไปติดต่อรับเงินคืนได้ที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) หรือธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ใช้เวลาประมาณ 15 วัน
กรณีที่ยื่นขอคืนเงินภาษีไปแล้ว แต่พบว่ายอดคืนภาษีไม่ตรงกับยอดที่ยื่นไปที่ควรจะได้รับ และไม่เห็นด้วย ก็สามารถอุทธรณ์ต่อกรมสรรพากรได้เช่นกัน โดยสามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งผลการพิจารณาคืนภาษี
สำนักงานสรรพากร ชี้แจงแล้ว ผ่านเกณฑ์ได้เงินไวแน่นอน
นายวินิจ วิเศษสุวรรณภูมิ รองผู้อำนวยการสำนักงานสรรพากร ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยกรณีขอคืนภาษีจะใช้เวลานานแค่ไหนจึงจะได้รับเงินคืน? ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับเกณฑ์ความเสี่ยงของผู้สมัคร หากไม่พบปัญหาใดๆ คุณจะได้รับเงินคืนภายใน 3-4 วัน
“ปีนี้มีคนขอคืนภาษีเยอะมาก เราวิเคราะห์ข้อมูลผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลของกรมสรรพากร หากผู้สมัครไม่มีข้อมูลที่ซับซ้อนและไม่เข้าเกณฑ์ความเสี่ยง ได้เงินคืนเร็วมากแน่นอน”
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่ Facebook “หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์“