แนวทางการดูแลลูกหนี้ปี 2567 ก่อนเป็นหนี้ ระหว่างเป็นหนี้ หลังเป็นหนี้

การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบอย่างยั่งยืนนั้น จะต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยมุ่งเน้นไปที่การดึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับเข้ามาในระบบให้มากที่สุด ส่งเสริมการแข่งขันแบบเสรีไม่ผูกขาด บนพื้นฐานของการมีข้อมูลและความโปร่งใส และกฎกติกาที่เท่าเทียมกันระหว่างผู้ให้บริการสินเชื่อทุกกลุ่ม

การดึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับเข้ามาในระบบนั้น สามารถทำได้โดยการพัฒนาระบบการเงินและสินเชื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นไปที่การเข้าถึงสินเชื่อในระบบที่สะดวก รวดเร็ว และยืดหยุ่น เหมาะสมกับความต้องการของผู้ที่ต้องการสินเชื่อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเปราะบางที่มีรายได้น้อยหรือมีประวัติการกู้ยืมเงินในอดีตที่ไม่ดี การให้สินเชื่อในระบบที่เข้าถึงง่ายและยืดหยุ่นมากขึ้นจะช่วยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อประกอบอาชีพหรือดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดความจำเป็นในการกู้ยืมเงินนอกระบบ

นอกจากนี้ ภาครัฐควรส่งเสริมการแข่งขันแบบเสรีไม่ผูกขาดในภาคการเงิน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ให้บริการสินเชื่อทุกกลุ่มสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกัน โดยไม่จำกัดเพียงธนาคารพาณิชย์หรือสถาบันการเงินขนาดใหญ่เท่านั้น การให้ผู้ให้บริการสินเชื่อทุกกลุ่มสามารถแข่งขันได้อย่างเท่าเทียมกันจะช่วยให้ประชาชนมีทางเลือกมากขึ้นในการเข้าถึงสินเชื่อ และจะช่วยควบคุมอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

การมีข้อมูลและความโปร่งใสและกฎกติกาที่เท่าเทียมกันระหว่างผู้ให้บริการสินเชื่อทุกกลุ่มนั้น มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการสร้างระบบการเงินที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือ โดยภาครัฐควรเร่งผลักดันการปฏิรูปข้อมูลหนี้ ทั้งในและนอกระบบ สร้างฐานข้อมูลที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้มากขึ้น โดยให้สหกรณ์เข้าสู่ระบบข้อมูลเครดิตแห่งชาติให้ครบถ้วน การมีข้อมูลหนี้ที่ครบถ้วนและเชื่อถือได้จะช่วยให้ผู้ให้บริการสินเชื่อสามารถประเมินความเสี่ยงของลูกหนี้ได้อย่างถูกต้อง และจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถเข้าถึงสินเชื่อได้อย่างเหมาะสม

หากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนร่วมมือกันดำเนินการตามแนวทางเหล่านี้อย่างจริงจัง ปัญหาหนี้นอกระบบในประเทศไทยจะสามารถแก้ไขได้อย่างยั่งยืน และจะช่วยสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับประเทศในระยะยาว