การประกาศยุติการผลิตของ บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด (SMT) ถือเป็นข่าวใหญ่ในแวดวงยานยนต์ของไทย การตัดสินใจนี้มาจากการที่บริษัทแม่ ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในระดับโลก และตอบสนองต่อแนวโน้มการส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน รวมถึงการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยานยนต์พลังงานไฟฟ้าที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลก
การยุติการผลิตในไทยจะมีผลภายในสิ้นปี 2568 ซึ่งจะส่งผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจและแรงงานในประเทศไทย นอกจากนี้ยังสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ต้องปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมระดับโลก
บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) ปัจจุบันเป็นอย่างไร ?
ข้อมูลที่ได้รับการตรวจสอบจาก Creden Data พบว่าบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด จดทะเบียนเมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2554 ดำเนินธุรกิจการผลิตยานยนต์และเครื่องยนต์ ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 12,681,870,000 บาท โดยมีรายชื่อผู้ถือหุ้นดังนี้
- บริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จำนวน 1,268,183 หุ้น
- บริษัท ซูซูกิ บิซิเนส จำกัด จำนวน 2 หุ้น
- บริษัท ไทยซูซูกิ มอเตอร์ จำกัด จำนวน 2 หุ้น
ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันถึงความเป็นเจ้าของและโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด จากประเทศญี่ปุ่น ถือหุ้นใหญ่ที่สุดในบริษัทนี้
ผลประกอบการของบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ตั้งแต่ปี 2556 ถึง 2565 แสดงถึงความผันผวนอย่างมากในด้านรายได้และกำไร/ขาดทุน โดยสามารถสรุปได้ดังนี้
- ปี 2556: บริษัทมีรายได้สูงถึง 26,461,614,843 บาท และมีกำไร 1,697,082,724 บาท
- ปี 2557 – 2559: มีรายได้ลดลงและขาดทุนต่อเนื่องในช่วงสามปีนี้ โดยในปี 2557 ขาดทุนสูงถึง 1,736,845,414 บาท
- ปี 2560 – 2561: ผลประกอบการกลับมามีกำไรอีกครั้งในปี 2560 และ 2561 โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 28,166,431,381 บาทในปี 2561
- ปี 2562 – 2563: รายได้ลดลงและขาดทุนต่อเนื่องในสองปีนี้ โดยในปี 2563 ขาดทุน 1,041,779,470 บาท
- ปี 2564: บริษัทกลับมามีกำไรอีกครั้งที่ 328,602,624 บาท
- ปี 2565: รายได้ลดลงเป็น 12,805,444,365 บาท และขาดทุน 80,449,830 บาท
จากการวิเคราะห์ข้อมูลย้อนหลัง พบว่าบริษัท ซูซูกิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มีผลประกอบการที่ผันผวนอย่างมาก โดยมีการขาดทุนเป็นจำนวนหลายปีและกำไรในบางปี ซึ่งอาจสะท้อนถึงความไม่แน่นอนในตลาดรถยนต์ รวมถึงปัจจัยภายนอกที่ส่งผลกระทบต่อบริษัท