จิตวิทยาการทำงานที่ดี ควรทำอย่างไร ?
1. การให้คุณค่าแก่ตนเอง
การให้คุณค่าแก่ตนเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาก โดยเฉพาะเมื่อเราต้องเผชิญกับคำตำหนิหรือคำเสียดสีที่ทำให้รู้สึกแย่และหมดกำลังใจ สิ่งที่เราควรทำคือการทบทวนตัวเองและพิจารณาถึงศักยภาพและคุณค่าที่แท้จริงของเรา ไม่ควรให้อิทธิพลจากคำพูดที่ทำร้ายจิตใจมาลดทอนคุณค่าของเราเอง
การให้คุณค่าตนเองสามารถทำได้ดังนี้
- ทบทวนผลงานและความสามารถที่แท้จริง: มองกลับไปที่ผลงานที่คุณทำได้ดี ความสำเร็จที่ผ่านมา และความสามารถที่คุณมี นี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงคุณค่าของคุณอย่างแท้จริง ไม่ใช่คำพูดที่มุ่งทำร้ายจากผู้อื่น
- อย่าให้คำพูดทำร้ายใจมามีอิทธิพล: คำพูดที่มุ่งทำร้ายมักมีเจตนาที่จะทำให้เรารู้สึกไร้ค่า อย่าให้อำนาจของคำพูดเหล่านั้นมากำหนดคุณค่าของคุณ
- ให้คุณค่ากับคนที่เห็นค่าคุณ: มองหาและให้ความสำคัญกับคนที่เห็นค่าของคุณ คนที่สนับสนุนและห่วงใยคุณอย่างจริงใจ การยึดมั่นในความสัมพันธ์กับคนเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความมั่นใจและพลังใจ
- อย่าพยายามพิสูจน์ตัวเองกับคนที่มุ่งร้าย: การพยายามพิสูจน์ตัวเองกับคนที่มีเจตนาร้ายมักจะทำให้เราเสียพลังงานและความสุข แทนที่จะใช้เวลาและพลังงานนี้ไปกับการพัฒนาตัวเองและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่ให้คุณค่าแก่เรา
การให้คุณค่าตนเองและการเลือกให้คุณค่าคนที่เห็นค่าของเราจะช่วยให้เรามีกำลังใจและความสุขมากขึ้นในชีวิตและการทำงาน การดูแลจิตใจและความรู้สึกของตัวเองอย่างดีจะทำให้เรามีแรงใจที่จะพัฒนาตนเองและก้าวหน้าไปในทางที่ดีขึ้น
2. การทบทวนความสัมพันธ์
การทบทวนความสัมพันธ์เป็นขั้นตอนสำคัญในการสร้างสังคมที่ดีและมีความสุข เราต้องมองลึกเข้าไปในความสัมพันธ์และพิจารณาเจตนาและพฤติกรรมของคนรอบข้าง ดังนี้
- การเคารพและห่วงใยซึ่งกันและกัน: สังคมที่ดีต้องตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเคารพและความห่วงใยต่อกัน หากพบว่ามีคนที่มาพูดจาทำร้ายเราอยู่บ่อยๆ ควรตั้งคำถามว่าเขามีเจตนาอย่างไร และความสัมพันธ์นี้ส่งผลกระทบต่อเรามากน้อยแค่ไหน
- การประเมินเจตนา: หากพบว่าเจตนาของคนที่ทำร้ายเราไม่ได้มีความหวังดี ควรพิจารณาว่าความสัมพันธ์นี้มีความจำเป็นหรือไม่ การรักษาความสัมพันธ์ที่มีแต่การทำร้ายจิตใจจะทำให้เรารู้สึกไม่ดีและหมดกำลังใจ
- การถอยห่างเพื่อความสุข: การถอยห่างจากคนที่ทำร้ายเราไม่ใช่เรื่องผิด เราควรดูแลตัวเองและให้ความสำคัญกับความสุขและความสงบในชีวิต การถอยห่างอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาสุขภาพจิตของเรา
- การเป็นมิตรกับตัวเอง: แม้ว่าเราจะอยากเป็นมิตรที่ดีกับทุกคน แต่ก็ต้องไม่ลืมที่จะเป็นมิตรกับตัวเอง การดูแลตนเองให้ดีเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะทำให้เรามีความสุขและมีพลังในการเผชิญกับสิ่งต่างๆ ในชีวิต
- ผลดีต่อทั้งสองฝ่าย: การถอยห่างจากความสัมพันธ์ที่เป็นพิษ อาจส่งผลดีต่อทั้งสองฝ่าย ทำให้เราไม่ต้องเจอกับความรู้สึกแย่ๆ และอาจทำให้อีกฝ่ายได้ทบทวนพฤติกรรมของตนเองด้วย
การทบทวนความสัมพันธ์และการตัดสินใจถอยห่างจากความสัมพันธ์ที่ทำร้ายเรา เป็นการแสดงถึงการเคารพและให้คุณค่ากับตัวเอง มันไม่ใช่การทำลายความสัมพันธ์ แต่เป็นการดูแลสุขภาพจิตและสร้างชีวิตที่มีคุณค่าและความสุขมากขึ้น
3. เปลี่ยนมุมมองและตีความใหม่
เมื่อได้รับฟังคำที่ทำร้ายจิตใจ มักเกิดคำถามในหัวว่า “เพราะอะไร ผิดอะไร ทำไมต้องเป็นเรา ควรทำอย่างไรดี” คำถามเหล่านี้มักนำมาซึ่งความทุกข์ ทำให้เราระแวงคำพูดและสายตาผู้อื่น จนไม่กล้าที่จะทำอะไรเพราะกลัวจะถูกตำหนิอีก การเปลี่ยนมุมมองและการตั้งคำถามใหม่จึงเป็นสิ่งสำคัญ
แทนที่จะถามว่า “ทำไมถึงเป็นเรา?” ลองเปลี่ยนเป็น “เราได้รู้อะไรจากคำพูดเหล่านี้ และสิ่งเหล่านี้ให้ค่าอะไรกับเรา?” นี่เป็นกระบวนการที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์มากกว่า คำพูดที่เสียดแทงทำร้ายใจ อาจแฝงข้อคิดที่แสดงถึงจุดผิดพลาด ซึ่งสามารถเป็นแรงผลักดันให้เราพัฒนาตนเองได้ นอกจากนี้ คำพูดเหล่านั้นอาจแสดงคุณค่าที่เรามีอยู่ในสายตาของผู้อื่นด้วย
ขั้นตอนในการตีความใหม่และใช้ประโยชน์จากคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ
- เปลี่ยนคำถาม: แทนที่จะถามว่าทำไมถึงเป็นเรา ให้ถามว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากคำพูดเหล่านั้น การเปลี่ยนคำถามจะช่วยให้เราเห็นประสบการณ์ในแง่บวกและมุ่งเน้นที่การพัฒนาตนเอง
- หาคุณค่าที่แฝงอยู่ในคำวิจารณ์: พิจารณาว่าคำพูดที่ลดคุณค่านั้นเกี่ยวข้องกับอะไร บางครั้งคำวิจารณ์อาจโจมตีคุณค่าที่เรามีอยู่ นั่นแสดงว่าคุณค่านั้นมีความสำคัญและมีอยู่จริงในตัวเรา
- ใช้คำวิจารณ์เป็นแรงผลักดัน: หากพบว่าคำวิจารณ์นั้นมีข้อคิดที่สามารถพัฒนาได้ ให้ใช้มันเป็นแรงผลักดันในการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง
- สร้างภูมิคุ้มกันทางจิตใจ: เมื่อเราได้เรียนรู้และพัฒนาจากประสบการณ์ร้าย ๆ ความสามารถในการรับมือกับคำวิจารณ์ในอนาคตจะเพิ่มขึ้น ทำให้เรามีความมั่นใจและความสามารถในการรักษาคุณค่าของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
การเปลี่ยนมุมมองและการตีความใหม่จากคำพูดที่ทำร้ายจิตใจ จะช่วยให้เราเติบโตและพัฒนาตนเองได้อย่างมีภูมิคุ้มกัน เห็นคุณค่าของตนเองอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และสามารถใช้ประสบการณ์เหล่านี้เป็นต้นทุนในการสร้างความเข้มแข็งในอนาคต