10 วิธีเก็บเงินออมทรัพย์ สำหรับชาวมนุษย์เงินเดือน
1. การทำบัญชีรายรับรายจ่าย ก้าวแรกสู่การวางแผนการเงินที่มั่นคง
ทำไมการทำบัญชีรายรับรายจ่ายจึงสำคัญ?
- มองเห็นภาพรวมทางการเงิน: รู้ที่มาที่ไปของเงิน รู้ว่าเงินของคุณไหลไปไหนบ้าง
- วางแผนการเงินได้อย่างมีประสิทธิภาพ: ตั้งเป้าหมายทางการเงิน เก็บออม และวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ควบคุมค่าใช้จ่าย: ระบุจุดอ่อนในการใช้จ่าย ปรับลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- สร้างวินัยทางการเงิน: ฝึกนิสัยการจดบันทึก รู้จักเก็บออม
- เตรียมพร้อมสำหรับอนาคต: วางแผนเกษียณอายุ เตรียมพร้อมสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน
การทำบัญชีรายรับรายจ่ายในยุคดิจิทัล
ปัจจุบันมีแอปพลิเคชันมากมายที่ช่วยให้การทำบัญชีรายรับรายจ่ายง่ายขึ้น สะดวก รวดเร็ว และไม่ต้องพกสมุดบันทึกให้ยุ่งยาก ตัวอย่างแอปพลิเคชั่นยอดนิยม เช่น
- Money Lover: ใช้งานง่าย ฟีเจอร์ครบถ้วน รองรับหลายแพลตฟอร์ม
- Spendee: ดีไซน์สวยงาม เหมาะกับการติดตามค่าใช้จ่าย
- Piggipo: เน้นการออมเงิน ตั้งเป้าหมายเก็บเงิน
- Finito: เหมาะสำหรับการทำบัญชีธุรกิจ
เริ่มต้นทำบัญชีรายรับรายจ่ายง่ายๆ ด้วยตัวเอง
- เลือกแอปพลิเคชั่น: เลือกแอปที่เหมาะกับการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของคุณ
- บันทึกรายรับ: จดบันทึกรายรับทั้งหมดของคุณ แหล่งที่มา ประเภท
- บันทึกรายจ่าย: จดบันทึกรายจ่ายทั้งหมด แยกประเภท ย่อย
- ติดตามผล: ตรวจสอบรายรับรายจ่ายอย่างสม่ำเสมอ วิเคราะห์ พัฒนา
- ปรับพฤติกรรม: ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่าย เก็บออม
การทำบัญชีรายรับรายจ่าย เป็นจุดเริ่มต้นของการวางแผน วิธีเก็บเงินที่ดี ช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่าย เก็บออม และบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้สำเร็จ
ลองเริ่มทำบัญชีรายรับรายจ่ายตั้งแต่วันนี้ เพื่ออนาคตทางการเงินที่มั่นคงของคุณ
2. ทบทวนความจำเป็นก่อนใช้จ่าย กุญแจสู่อนาคตที่มั่นคง
การทบทวนความจำเป็นก่อนใช้จ่าย จึงเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้คุณควบคุมการใช้จ่าย เก็บออมเงิน และบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้
เทคนิคทบทวนความจำเป็นก่อนใช้จ่าย
1. แยกแยะความจำเป็นและความต้องการ
- ความจำเป็น หมายถึง สิ่งของหรือบริการที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น อาหาร ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค
- ความต้องการ หมายถึง สิ่งของหรือบริการที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เป็นเพียงสิ่งที่เราอยากได้ เช่น เสื้อผ้าแฟชั่น สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่
2. ตั้งคำถามก่อนซื้อ
- สิ่งนี้จำเป็นสำหรับฉันจริง ๆ หรือไม่?
- ฉันมีสิ่งของที่คล้ายกันอยู่แล้วหรือไม่?
- ฉันสามารถหาสิ่งนี้ได้ในราคาที่ถูกกว่านี้หรือไม่?
- ฉันสามารถรอซื้อสิ่งนี้ในภายหลังได้หรือไม่?
3. วางแผนการใช้จ่าย
- จดบันทึกรายรับรายจ่าย
- กำหนดงบประมาณสำหรับแต่ละหมวดหมู่
- ติดตามการใช้จ่ายของตัวเอง
4. หากิจกรรมอื่นทำแทนการช้อปปิ้ง
- ออกกำลังกาย
- อ่านหนังสือ
- พบปะเพื่อนฝูง
5. ตั้งเป้าหมายทางการเงิน
- ตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน วัดผลได้ ท้าทาย และมีความหมายต่อคุณ
- แบ่งเป้าหมายใหญ่ ๆ ออกเป็นเป้าหมายย่อย ๆ
- ติดตามความคืบหน้า
การทบทวนความจำเป็นก่อนใช้จ่าย อาจไม่ใช่เรื่องง่ายในตอนแรก แต่หากคุณฝึกฝนเป็นประจำ คุณจะสามารถควบคุมการใช้จ่าย เก็บออมเงิน และบรรลุเป้าหมายทางการเงินได้
3. งดไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้า
เข้าใจว่าในเวลาว่าง หลายคนชอบไปเดินเล่นห้างสรรพสินค้า แต่รู้หรือไม่ว่า การไปเดินห้างบ่อยๆ โดยไม่ได้ตั้งใจซื้ออะไร สุดท้ายก็อาจเผลอเสียเงินไปกับสิ่งของล่อตาล่อใจ เสื้อผ้า หรืออาหาร โดยไม่จำเป็น
ถ้าอยากเก็บเงิน การงดไปเดินห้างสรรพสินค้า เป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้คุณประหยัดเงินได้อย่างน่าทึ่ง
ลองหาอะไรทำอย่างอื่นแทนการไปห้าง เช่น
- อยู่บ้าน: อ่านหนังสือ ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม ออกกำลังกาย ทำงานอดิเรก หรือทำอาหาร
- ไปที่อื่น: สวนสาธารณะ ️พิพิธภัณฑ์ ️ตลาด หรือวัดวาอาราม
- ใช้เวลากับครอบครัวและเพื่อน: พูดคุย เล่นเกม ทานอาหาร หรือทำกิจกรรมอื่นๆ
4. เคลียร์หนี้สินให้หมด
หนี้สินเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการวางแผนการเงินที่ดี เงินที่ควรนำไปออมหรือลงทุนเพื่ออนาคต กลับต้องถูกนำไปจ่ายหนี้ก่อน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่มักเป็นปัญหาใหญ่สำหรับมนุษย์เงินเดือน
กลยุทธ์เคลียร์หนี้
1.สำรวจสถานะหนี้สิน
- จดบันทึกยอดหนี้ทั้งหมด แยกประเภท แหล่งที่มา อัตราดอกเบี้ย และจำนวนเงินที่ต้องจ่ายขั้นต่ำ
- วิเคราะห์ว่าหนี้ก้อนไหนเป็นภาระมากที่สุด ดอกเบี้ยสูง และเร่งด่วนที่สุด
2.วางแผนจัดการหนี้
- ตั้งเป้าหมายปลดหนี้ที่ชัดเจน realistic และ achievable
- เลือกวิธีจัดการหนี้ที่เหมาะสม เช่น snowball method, avalanche method, debt consolidation loan
- วางแผนการใช้เงินอย่างรัดกุม จดบันทึกรายรับรายจ่าย ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
3.หารายได้เพิ่ม
- หางานเสริม freelance หรือ part-time
- ขายของออนไลน์ หรือ ขายของที่ไม่ใช้แล้ว
- หาทุนการศึกษา หรือ ทุนสนับสนุน
4.ปรับพฤติกรรมการใช้จ่าย
- ใช้จ่ายอย่างมีสติ คิดก่อนซื้อ
- เปรียบเทียบราคาก่อนซื้อ
- วางแผนการใช้เงินล่วงหน้า
- เก็บออมเงิน เผื่อกรณีฉุกเฉิน
5.หาตัวช่วย
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน หรือ สถาบันการเงิน
- เข้าร่วมกลุ่มสนับสนุนการปลดหนี้
- ศึกษาข้อมูล ความรู้ และ เทคนิคการจัดการหนี้
5. กำหนดเงินใช้เป็นรายวัน วิธีง่ายๆ สู่การมีเงินเก็บ
การกำหนดเงินใช้เป็นรายวัน เป็นเทคนิคการวางแผนการเงินที่ช่วยให้ควบคุมการใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาการใช้เงินเกินตัว และช่วยให้มีเงินเก็บออมอย่างสม่ำเสมอ
วิธีเก็บเงินมีดังนี้
- คำนวณรายรับและรายจ่าย: เริ่มต้นด้วยการจดบันทึกรายรับและรายจ่ายทั้งหมดของคุณ แยกเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น (ค่าเช่า, ค่าอาหาร, ค่าเดินทาง) และค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น (เสื้อผ้า, เกมส์, ของกินเล่น)
- หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็น: นำรายรับทั้งหมด หักด้วยค่าใช้จ่ายที่จำเป็น จะได้จำนวนเงินที่เหลือสำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
- กำหนดเงินใช้เป็นรายวัน: แบ่งจำนวนเงินที่เหลือจากข้อ 2 ด้วยจำนวนวันในเดือน จะได้จำนวนเงินที่ควรใช้จ่ายต่อวัน
- พกเงินไปใช้แค่จำนวนที่กำหนด: ฝึกวินัยในการใช้จ่าย พกเงินไปใช้แค่จำนวนที่กำหนดไว้ในแต่ละวัน
- จดบันทึกรายจ่าย: จดบันทึกรายจ่ายทั้งหมดของคุณอย่างสม่ำเสมอ ช่วยให้ติดตามการใช้จ่าย วิเคราะห์พฤติกรรม และปรับแผนการใช้จ่ายให้เหมาะสม
6. ลดการใช้บัตรเครดิต คู่มือสำหรับมนุษย์เงินเดือน
บัตรเครดิต เปรียบเสมือนดาบสองคมที่มนุษย์เงินเดือนหลายคนต้องเผชิญ แม้จะสะดวกสบาย เต็มไปด้วยโปรโมชัน และคะแนนสะสม แต่หากใช้ไม่ระวัง อาจนำไปสู่ปัญหาหนี้สินก้อนโตที่ยากจะแก้ไข
แนวทางลดการใช้บัตรเครดิต ช่วยให้มนุษย์เงินเดือนบริหารการเงินได้อย่างชาญฉลาด ดังนี้
1. ตั้งสติก่อนใช้
- ถามตัวเองทุกครั้งก่อนรูดบัตรว่า จำเป็นต้องซื้อสินค้าหรือบริการนั้นจริงหรือไม่
- เปรียบเทียบราคาสินค้าจากแหล่งอื่น เผื่อมีตัวเลือกที่คุ้มค่ากว่า
- พิจารณากำลังจ่ายของตัวเองว่าสามารถจ่ายเต็มจำนวนได้หรือไม่
2. วางแผนการใช้จ่าย
- จดบันทึกรายรับรายจ่ายอย่างละเอียด แบ่งเป็นหมวดหมู่ชัดเจน
- กำหนดวงเงินสำหรับใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตต่อเดือน
- เลือกบัตรที่มีโปรโมชันตรงกับไลฟ์สไตล์
3. ฝึกวินัยการใช้จ่าย
- พกเงินสดติดตัวไว้สำหรับใช้จ่ายทั่วไป
- ปิดการแจ้งเตือนการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต
- หลีกเลี่ยงการรูดบัตรตอนหิวหรืออารมณ์ไม่ดี
4. หาวิธีอื่นแทนการใช้บัตรเครดิต
- สมัครสมาชิกคลับสะสมแต้มของร้านค้าแทนการใช้บัตรเครดิต
- มองหาโปรโมชันส่วนลดเงินสด
- ใช้บริการแอปพลิเคชันจ่ายเงินที่ช่วยควบคุมการใช้จ่าย
5. จัดการหนี้บัตรเครดิต
- จ่ายเต็มจำนวนทุกเดือน เพื่อเลี่ยงดอกเบี้ย
- รีบโปะหนี้บัตรที่มีดอกเบี้ยสูงก่อน
- ปรึกษาธนาคารเพื่อขอปรับโครงสร้างหนี้
6. ปิดบัตรที่ไม่จำเป็น
- ยกเลิกบัตรที่ไม่ได้ใช้งาน
- เก็บไว้เฉพาะบัตรที่มีประโยชน์ต่อการใช้จ่าย
7. ศึกษาความรู้ด้านการเงิน
- หาความรู้เกี่ยวกับการใช้บัตรเครดิตอย่างชาญฉลาด
- เรียนรู้วิธีบริหารจัดการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ
- การลดการใช้บัตรเครดิต จำเป็นต้องอาศัยวินัยและความตั้งใจจริง เมื่อฝึกฝนจนเกิดเป็นนิสัย จะช่วยให้มนุษย์เงินเดือนหลุดพ้นจากวังวนหนี้สิน บริหารการเงินได้อย่างมั่นคง และนำไปสู่เป้าหมายทางการเงินที่วางไว้
จำไว้ว่า บัตรเครดิตเป็นเพียงเครื่องมือ อยู่ที่เราจะใช้มันอย่างชาญฉลาดหรือไม่ อนาคตทางการเงินที่ดี อยู่ในมือของคุณ
7. วางแผนเก็บเงินก่อนจะใช้
การวางแผนวิธธีเก็บเงินนั้นทำได้ยาก บางครั้งตั้งใจจะเก็บ แต่ก็เผลอใช้จ่ายจนเงินหมด วิธี “เก็บก่อนใช้” นั้นเป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลดีจริง ๆ
วิธีทำ
- คำนวณค่าใช้จ่ายที่จำเป็น: จดบันทึกรายจ่ายทั้งหมดของคุณ แยกเป็นหมวดหมู่ เช่น ค่าเช่า ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเดินทาง ฯลฯ เพื่อดูว่าเงินของคุณไปไหนบ้าง และสามารถตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกได้
- กำหนดจำนวนเงินที่ต้องการเก็บ: ตั้งเป้าหมายว่าอยากเก็บเงินเดือนละเท่าไหร่ แนะนำให้เริ่มจากจำนวนเงินที่ไม่สูงมากจนเกินไป เพื่อไม่ให้รู้สึกท้อแท้
- เก็บเงินทันที: เมื่อรับเงินเดือนมาแล้ว ให้รีบแยกเงินส่วนที่ต้องการเก็บออกทันที อาจจะถอนเงินออกมาหยอดกระปุก หรือนำไปฝากไว้ในบัญชีเงินฝากประจำ เพื่อป้องกันการเผลอนำเงินไปใช้
ตัวอย่าง
- เงินเดือนของคุณ 15,000 บาท
- ค่าใช้จ่ายที่จำเป็น 10,000 บาท
- เงินที่ต้องการเก็บ 5,000 บาท
เมื่อรับเงินเดือนมาแล้ว ให้รีบแยกเงิน 5,000 บาท ออกมาเก็บทันที อาจจะ
- ถอนเงินออกมาหยอดกระปุก
- ฝากไว้ในบัญชีเงินฝากประจำ
- ลงทุนในกองทุนรวม
ข้อดีของการเก็บก่อนใช้
- ช่วยให้มีวินัยในการออมเงิน
- ควบคุมการใช้จ่ายได้ดีขึ้น
- มีเงินเก็บออมไว้ใช้ในยามจำเป็น
- บรรลุเป้าหมายทางการเงินได้เร็วขึ้น
ลองทำดู รับรองว่าวิธี “เก็บก่อนใช้” นี้ จะช่วยให้คุณมีเงินเก็บออมมากขึ้นอย่างแน่นอน
8. เปิดบัญชีเงินฝากประจำ ออมเงินอย่างชาญฉลาด ผลตอบแทนคุ้มค่า
บัญชีเงินฝากประจำ เหมาะสำหรับนักออมที่ต้องการมุ่งมั่นเก็บเงินเพื่อเป้าหมายระยะยาว แลกกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ทั่วไป แต่เงินฝากประจำมีข้อจำกัดในการถอนเงิน เหมาะกับเงินที่ไม่ต้องใช้ในช่วงระยะเวลาที่กำหนด
จุดเด่นของบัญชีเงินฝากประจำ
- ดอกเบี้ยสูงกว่า: บัญชีเงินฝากประจำให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ ช่วยให้เงินของคุณงอกเงยได้เร็วขึ้น
- ปลอดภัย: เงินฝากประจำได้รับประกันเงินฝากจากสถาบันคุ้มครองเงินฝาก (สคส.) เงินของคุณจึงปลอดภัย
- สร้างวินัยการออม: การฝากเงินประจำช่วยให้คุณมีวินัยในการออมเงิน เหมาะสำหรับการเก็บเงินเพื่อเป้าหมายระยะยาว
ข้อควรพิจารณาก่อนเปิดบัญชีเงินฝากประจำ
- ระยะเวลาฝาก: บัญชีเงินฝากประจำมีระยะเวลาฝากที่หลากหลาย เช่น 3 เดือน 6 เดือน 12 เดือน 24 เดือน เลือกให้เหมาะกับเป้าหมายการออมของคุณ
- อัตราดอกเบี้ย: เปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยจากธนาคารต่างๆ เลือกบัญชีที่มีอัตราดอกเบี้ยสูง
- การถอนเงิน: บัญชีเงินฝากประจำมีข้อจำกัดในการถอนเงิน ศึกษาเงื่อนไขการถอนเงินก่อนเปิดบัญชี
- ภาษี: ดอกเบี้ยเงินฝากประจำต้องเสียภาษี 15%
9. ห้ามใช้แบงก์ 50 วิธีเก็บเงินง่ายๆ ที่ได้ผลจริง
ห้ามใช้แบงก์ 50 เป็นหนึ่งในวิธีเก็บเงินยอดนิยมที่ใครๆ ก็สามารถทำได้ วิธีนี้เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยไม่ต้องวางแผนซับซ้อน เพียงแค่ตั้งกฎกับตัวเองว่า ห้ามนำแบงก์ 50 บาท ไปใช้จ่าย ทุกครั้งที่ได้รับแบงก์ 50 ให้เก็บแยกไว้ต่างหาก
ทำไมวิธีนี้ถึงได้ผล?
- แบงก์ 50 หายาก: ปกติแล้วเราไม่ค่อยได้เจอแบงก์ 50 บ่อยนัก เมื่อได้มาแล้วจึงมีแนวโน้มที่จะเก็บไว้มากกว่าใช้
- ไม่กระทบค่าใช้จ่าย: การเก็บแบงก์ 50 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันมากนัก เพราะเราสามารถใช้แบงก์อื่นแทนได้
- เห็นผลลัพธ์ชัดเจน: แม้จะเก็บทีละ 50 บาท แต่เมื่อสะสมไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นเงินก้อนใหญ่ได้ โดยไม่ต้องรู้สึกกดดัน
ตัวอย่าง
- สมมติว่าคุณได้รับแบงก์ 50 บาท 4 ใบต่อสัปดาห์
- ใน 1 ปี (52 สัปดาห์) คุณจะมีเงินเก็บ 10,400 บาท
- เพียงแค่ไม่ใช้แบงก์ 50 บาท คุณก็จะมีเงินเก็บเพิ่มโดยไม่ต้องพยายามอะไรมาก
วิธีเก็บแบงก์ 50
- เตรียมกระปุกออมสินสำหรับเก็บแบงก์ 50 โดยเฉพาะ
- เขียนป้ายติดกระปุกว่า “ห้ามใช้แบงก์ 50”
- ทุกครั้งที่ได้รับแบงก์ 50 ให้หยอดใส่กระปุกทันที
- ตั้งเป้าหมายว่าอยากเก็บเงินได้เท่าไหร่
- เมื่อเก็บครบตามเป้าหมาย นำเงินไปฝากธนาคารหรือใช้ตามความต้องการ
10. งดใช้เงินโบนัส เก็บไว้เพื่ออนาคตที่มั่นคง
โบนัสปลายปี เปรียบเสมือนรางวัลตอบแทนความทุ่มเทของเหล่ามนุษย์เงินเดือน หลายคนคงตั้งตารอที่จะใช้เงินก้อนนี้เพื่อที่ตัวเอง จะได้ซื้อของที่อยากได้ หรือเติมเต็มความสุขในชีวิต แต่ อย่าเพิ่งรีบร้อนใช้เงินโบนัสจนหมด! เพราะนี่คือโอกาสทองที่คุณจะได้เก็บเงินออมไว้สร้างความมั่นคงในอนาคต
ทำไมถึงควร “งดใช้เงินโบนัส”?
- สร้างความมั่นคงทางการเงิน: เงินโบนัสเป็นเงินก้อนโตที่ช่วยเสริมสร้างฐานะการเงินของคุณ เก็บไว้เผื่ออนาคต เผื่อกรณีฉุกเฉิน หรือต้องการใช้เงินก้อนใหญ่ เช่น ซื้อบ้าน ซื้อรถ แต่งงาน
- บรรลุเป้าหมายทางการเงิน: เงินโบนัสช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายทางการเงินเร็วขึ้น เช่น เก็บเงินดาวน์บ้าน เก็บเงินเรียนต่อต่างประเทศ เก็บเงินไว้ใช้หลังเกษียณ
- อิสระทางการเงิน: การเก็บออมช่วยให้คุณมีอิสระทางการเงินมากขึ้น ไม่ต้องกังวลเรื่องเงิน ไม่ต้องพึ่งพาใคร
- วางแผนเกษียณอายุ: เงินโบนัสช่วยให้คุณวางแผนเกษียณอายุได้อย่างมั่นคง โดยไม่ต้องกังวลเรื่องเงินหลังเกษียณ
กลยุทธ์ “งดใช้เงินโบนัส”
- ตั้งเป้าหมายการออม: ตั้งเป้าหมายว่าอยากเก็บเงินโบนัสไว้ทำอะไร เช่น เก็บไว้ซื้อบ้าน เก็บไว้เรียนต่อ เก็บไว้แต่งงาน
- แบ่งเงินโบนัส: แบ่งเงินโบนัสเป็นสัดส่วนตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ เช่น เก็บ 50% ลงทุน 30% ใช้จ่ายส่วนตัว 20%
- ฝากเงินออม: ฝากเงินโบนัสในบัญชีออมทรัพย์ที่มีดอกเบี้ยดี หรือลงทุนในกองทุนรวมเพื่อเพิ่มผลตอบแทน
- หาแรงบันดาลใจ: หาแรงบันดาลใจในการเก็บออมจากบทความ หนังสือ หรือบุคคลตัวอย่าง
- ติดตามผล: จดบันทึกรายรับรายจ่าย ติดตามผลการออมอย่างสม่ำเสมอ
จำไว้ว่า “เงินโบนัส” เป็นโอกาสทองในการสร้างอนาคตที่มั่นคง อย่าใช้จ่ายเงินโบนัสจนหมดเกลี้ยง ควรเก็บออมไว้เพื่ออนาคต เผื่อกรณีฉุกเฉิน หรือใช้สำหรับเป้าหมายทางการเงินของคุณ