“ภาวะหมดไฟ” หรือที่เรียกกันว่า “Burnout” เป็นสภาวะของการหมดแรงทั้งทางกาย อารมณ์ และจิตใจ อันเนื่องมาจากความเครียดสะสมในระยะยาว โดยภาวะนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับคนในหลายอาชีพและสถานการณ์ในชีวิต ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงและรู้สึกหมดกำลังใจ โดยในบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกับสาเหตุ อาการ รวมถึงวิธีการป้องกันภาวะหมดไฟในการทำงาน
สาเหตุของภาวะหมดไฟ
ภาวาะหมดไฟนั้น สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยแบ่งออกเป็นสเหตุต่าง ๆ ดังนี้
ความเครียดจากการทำงาน
งานที่มีความกดดันสูง ชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน และปริมาณงานที่มากเกินไป เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดภาวะหมดไฟ การต้องพยายามที่จะตอบสนองความคาดหวังที่เกินความสามารถอาจทำให้พลังงานและแรงจูงใจลดลงได้
การไม่มีอำนาจ
การรู้สึกว่าตัวเองไม่มีอำนาจในการงานหรือสถานการณ์ชีวิต สามารถนำไปสู่ภาวะหมดไฟได้ เมื่อรู้สึกว่าไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดกระบวนการทำงาน หรือขาดความสามารถในการตัดสินใจ มันจะทำให้เกิดความรู้สึกหงุดหงิดและหมดกำลังใจ
ขาดการตอบแทนที่เหมาะสม
เมื่อความพยายามของคุณไม่ได้รับการยอมรับหรือได้รับการตอบแทนอย่างเหมาะสม มันจะนำไปสู่ความรู้สึกขุ่นเคืองและหมดแรง การขาดการยอมรับนี้สามารถลดความพึงพอใจในการทำงานและมีส่วนทำให้เกิดภาวะหมดไฟได้
อาการของภาวะหมดไฟ
อาการของภาวะหมดไฟ สามารถเกิดได้หลายรูปแบบ โดยแบ่งออกเป็นอาการต่าง ๆ ดังนี้
อาการทางกาย
ภาวะหมดไฟแสดงออกในรูปแบบของอาการทางกายหลายอย่าง เช่น ความอ่อนเพลียเรื้อรัง นอนไม่หลับ ปวดหัว และปัญหาระบบทางเดินอาหาร อาการเหล่านี้บ่งชี้ว่าร่างกายกำลังเผชิญกับความเครียดอย่างมาก
อาการทางอารมณ์
ทางด้านอารมณ์ ภาวะหมดไฟสามารถนำไปสู่ความรู้สึกที่อยากแยกตัวออกจากสังคม และขาดแรงจูงใจ โดยอาจรู้สึกว่าตนเองถูกกดดันตลอดเวลา มีความวิตกกังวล หรือซึมเศร้า
การเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรม
ภาวะหมดไฟมักส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมที่สังเกตเห็นได้ เช่น การหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ การแยกตัวออกจากผู้อื่น และแสดงอาการหงุดหงิดหรือขาดความอดทนเพิ่มขึ้น
ภาวะหมดไฟ มีกี่ระยะ ?
ภาวะหมดไฟสามารถแบ่งออกเป็นระยะต่างๆ ได้หลายระยะ ซึ่งแต่ละระยะจะแสดงอาการและความรุนแรงที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้
ระยะที่ 1: ระยะความเครียดเบื้องต้น
ในระยะนี้ จะเริ่มรู้สึกถึงความเครียดที่เพิ่มขึ้น แต่ยังสามารถจัดการกับมันได้ โดยอาจมีอาการเหนื่อยล้าเพิ่มขึ้น ความสามารถในการโฟกัสลดลง และอารมณ์เริ่มไม่คงที่
ระยะที่ 2: ระยะความเครียดสะสม
เมื่อความเครียดสะสมมากขึ้น จะเริ่มรู้สึกถึงความเหนื่อยล้าทางร่างกายและจิตใจมากขึ้น อาจมีปัญหาในการนอนหลับ ความสามารถในการทำงานลดลง และเริ่มมีอารมณ์ที่ผันผวนมากขึ้น
ระยะที่ 3: ระยะความเหนื่อยล้าเรื้อรัง
ในระยะนี้ ความเหนื่อยล้าและความเครียดจะกลายเป็นเรื้อรัง จะรู้สึกหมดกำลังใจและความสนใจในงานที่ทำ อาจมีปัญหาสุขภาพทางกาย เช่น ปวดหัวเรื้อรัง และปัญหาทางเดินอาหาร
ระยะที่ 4: ระยะวิกฤต
ระยะวิกฤตคือช่วงที่ไม่สามารถจัดการกับความเครียดและความเหนื่อยล้าได้อีกต่อไป อาจมีอาการซึมเศร้า ความวิตกกังวลที่รุนแรง และปัญหาทางสุขภาพที่ร้ายแรง การทำงานและชีวิตประจำวันอาจถูกกระทบอย่างมาก
ระยะที่ 5: ระยะการฟื้นฟู
หากได้รับการช่วยเหลือและการสนับสนุนที่เหมาะสม จะสามารถเริ่มฟื้นฟูจากภาวะหมดไฟได้ การฟื้นฟูนี้อาจใช้เวลานานและต้องการความมุ่งมั่นในการดูแลตัวเอง การรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญ และการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตให้เหมาะสม
การป้องกันภาวะหมดไฟ
มีหลากหลายวิธีในการป้องกันภาวะหมดไฟ โดยสามารถเริ่มต้นปฎิบัติได้ง่าย ๆ ดังนี้
การตั้งขอบเขตที่ชัดเจน
การตั้งขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างงานและชีวิตส่วนตัวเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งรวมถึงการกำหนดขอบเขตเวลาทำงานและการหมั่นให้เวลากับการพักผ่อนและงานอดิเรก
การขอความช่วยเหลือ
การพูดคุยกับเพื่อน ครอบครัว หรือผู้เชี่ยวชาญ สามารถให้การสนับสนุนทางอารมณ์ที่จำเป็นได้ การแบ่งปันความรู้สึกและประสบการณ์ของคุณสามารถช่วยลดความเครียดได้
การดูแลตัวเอง
การออกกำลังกายเป็นประจำ การรักษาอาหารที่มีประโยชน์ และการนอนหลับเพียงพอเป็นสิ่งจำเป็นในการป้องกันภาวะหมดไฟ กิจกรรมดูแลตัวเอง เช่น การทำสมาธิ โยคะ หรือกิจกรรมงานอดิเรก ก็สามารถช่วยลดความเครียดได้เช่นกัน
การเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อม
หากเป็นไปได้ ให้ทำการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมการทำงานหรือความรับผิดชอบของคุณ ซึ่งอาจรวมถึงการมอบหมายงาน การมองหาความท้าทายใหม่ หรือการหาสถานที่ทำงานที่สนับสนุนมากขึ้น
ความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญ
การขอความช่วยเหลือจากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตสามารถให้กลยุทธ์ในการรับมือกับภาวะหมดไฟ การบำบัดหรือการให้คำปรึกษาสามารถให้มุมมองและวิธีการรับมือใหม่ๆ
ภาวะหมดไฟเป็นภาวะที่ร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่อคนหลายคน การทำความเข้าใจถึงสาเหตุ อาการ และวิธีการแก้ไขเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการรักษาสุขภาพจิตและกาย ด้วยการตั้งขอบเขต การขอความช่วยเหลือ และการให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเอง
โดยเราสามารถป้องกัน และจัดการกับภาวะหมดไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ การรับรู้สัญญาณตั้งแต่เนิ่น ๆ และการดำเนินการเชิงรุกสามารถนำไปสู่ชีวิตที่มีความสมดุลและสุขภาพที่ดีขึ้นได้อย่างเหมาะสม และสามารถฟื้นฟูสุขภาพจิตและกายให้กลับมาแข็งแรงได้ในที่สุด
ติดตามประกาศรับสมัครงานเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ PartTimeTH และ Facebook หางาน Part Time งานพิเศษ ทำที่บ้าน เสาร์ อาทิตย์