สไตล์การทำงานแบบ Hybrid working คืออะไร?
Hybrid working ดียังไง?
1. Work-life balance
หมดยุคของการทำงานหนักเพียงอย่างเดียว ปัจจุบันชาว Millennials มากมายมองหางานที่ทำให้พวกเขามี “Work-life balance” นั่นคือได้ใช้ชีวิตในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากการทำงาน Hybrid working จึงตอบโจทย์เพราะทำให้คนทำงานสามารถออกแบบตารางชีวิตของพวกเขาได้เอง ทั้งเลือกสถานที่ทำงาน เวลาทำงาน ไปจนถึงเวลาพักผ่อนหรือทำธุระต่างๆ
2. ลดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทาง
การทำงาน WFH สลับกับทำงานที่ออฟฟิศบางวันช่วยให้บริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ในออฟฟิศลงโดยเฉพาะค่าสถานที่ บางบริษัทสามารถลดค่าใช้จ่ายถึง 30% เลยทีเดียว หลายๆ บริษัทจึงหันไปเช่าสถานที่ทำงานที่เล็กลงอย่าง co-working space แทน ส่วนในมุมมองพนักงาน การทำงานรูปแบบนี้ช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาการเดินทางของพวกเขาลงเช่นกัน ซึ่งส่งผลดีทำให้เครียดน้อยลงด้วย
3. บาลานซ์ความอิสระและการทำงานเป็นทีม
แม้ว่าการ WFH จะทำให้พนักงานมีอิสระในการควบคุมชีวิตตัวเองและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน อย่างไรก็ตาม WFH ยังไม่สามารถทดแทนการทำงานที่ออฟฟิศได้ในแง่ “ความคิดสร้างสรรค์” ซึ่งหลายๆ นวัตกรรมหรือไอเดียสดใหม่ล้วนเกิดขึ้นจากการพูดคุยกันในออฟฟิศ อีกทั้งการพบปะแบบเจอตัวยังช่วยเสริม “การทำงานเป็นทีม” และสื่อสารกันได้ดีขึ้น Hybrid working จึงเป็นทางออกที่จะบาลานซ์ทั้งความยืดหยุ่นของการ WFH และดึงข้อดีของการทำงานในออฟฟิศออกมาด้วย
ข้อเสียของ Hybrid Working
1. ความยากลำบากในการสื่อสาร
การทำงานจากที่ต่าง ๆ หรือการทำงานระยะไกลนั้นมีข้อดีมากมาย เช่น ความยืดหยุ่นในการทำงาน การลดเวลาการเดินทาง และเพิ่มความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและงาน อย่างไรก็ตาม การทำงานในลักษณะนี้อาจมีปัญหาด้านการสื่อสารและการทำงานเป็นทีมได้
2. ขาดการเชื่อมโยงกับทีม
การทำงานจากที่บ้านอาจนำมาซึ่งความรู้สึกเหงาหรือขาดการเชื่อมโยงกับทีมได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในสถานการณ์การทำงานระยะไกล
3. ความไม่แน่นอนในการทำงาน
การทำงานที่บ้านหรือ remote work นั้นสามารถทำให้เกิดปัญหาเรื่องการแบ่งแยกระหว่างเวลางานและเวลาส่วนตัวได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสมดุลของชีวิตได้
วิธีการปรับใช้ Hybrid Working กับทีมงาน
การวางแผนและการสื่อสาร
การทำงานแบบ Hybrid ซึ่งเป็นการทำงานผสมผสานระหว่างการทำงานที่สำนักงานและการทำงานจากที่บ้าน กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในหลายองค์กร การวางแผนและกำหนดนโยบายที่ชัดเจน รวมถึงการสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างทีม เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การทำงานแบบ Hybrid เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม
เพื่อให้การทำงานทั้งในออฟฟิศและที่ทำงานจากบ้าน (WFH) เป็นไปอย่างราบรื่น บริษัทควรให้ความสำคัญกับเครื่องมือและเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้ทีมสามารถติดต่อสื่อสารและทำงานร่วมกันได้ง่าย ๆ เช่น แพลตฟอร์มประชุมออนไลน์, โปรแกรมแชร์ไฟล์และเก็บไฟล์งาน, โปรแกรมติดต่อสื่อสารในบริษัท และที่ขาดไม่ได้คือโปรแกรมวางแผนงานเพื่อใช้ติดตามความคืบหน้าของงาน
การประเมินผลการทำงาน
การเปลี่ยนรูปแบบการทำงานจากในออฟฟิศเป็นการทำงานจากที่บ้าน (WFH) ต้องการเวลาในการปรับตัว ดังนั้นการเก็บ Feedback จากทีมงานเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างมาก เพื่อให้หัวหน้าทีมเข้าใจความต้องการและปัญหาของทีม และหาทางแก้ไขได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การสร้างวัฒนธรรมองค์กร
สนับสนุนการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เน้นการทำงานร่วมกัน การสนับสนุนกันและการให้กำลังใจเพื่อให้ทีมงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร